แบรนด์ครัวไทยเผยกลยุทธ์ทำตลาดปีนี้เน้นขยายตลาดไปต่างประเทศ ชี้เดินหน้าขยายโรงงานสร้างมาตรฐานรองรับออร์เดอร์ ระบุมีความต้องการแล้ว 2 พันลังจากเกาหลี เชื่อรายได้เกิน 2 ล้านบาทปีนี้ แย้มเตรียมออกนํ้าแกงส้มแบบเจขยายตลาด
นางสาวณภัสตา วชรภิตภรณ์ ผู้บริหาร บริษัท เคที ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนํ้าแกงส้มปรุงสำเร็จ แบรนด์ “ครัวไทย” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แผนการขยายตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าของบริษัทปีนี้ จะมุ่งเน้นการทำตลาดที่ต่างประเทศเป็นหลัก โดยล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่ รวมถึงกำลังการผลิตของโรงงาน และการทำให้เป็นมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ (GMP) สำหรับรองรับปริมาณออร์เดอร์จากต่างประเทศที่จะเกิดขึ้น และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาทางธุรกิจ เพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้ และเมียนมา โดยเป็นการดำเนินการผ่านตัวแทนซื้อขาย หรือเทรดเดอร์ (Trader) ของแต่ละประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาแน่นอนได้ว่าจะสามารถนำปผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายได้เมื่อใด โดยล่าสุดมีออเดอร์จากเกาหลีเข้ามาแล้ว 2,000 ลัง หากเจรจาธุรกิจเป็นไปได้ด้วยดีก็สามารถที่จะส่งออกได้ทันที
ส่วนการทำตลาดในประเทศนั้น บริษัทกำลังจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด โดยเป็นนํ้าแกงส้มปรุงสำเร็จสูตรเจ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ และรองรับเทศกาลเจที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนา (R&D) สูตรแกงป่า เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่าย โดยจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าของบริษัทได้มากยิ่งขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้สูตรที่ลงตัวที่สุดตามที่บริษัทต้องการ
“การทำตลาดต่างประเทศนั้น กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทคือกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ และต้องการรับประทานอาหารไทยที่รสชาติแบบดั้งเดิม เสมือนรับประทานอยู่ที่เมืองไทยได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่ในประเทศจะเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป ที่ทำอาหารไม่ค่อยเก่ง และเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความเร่งรีบในยุคปัจจุบัน”
ภัสตา วชรภิตภรณ์
นางสาวณภัสตา กล่าวต่อไปอีกว่า จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวนั้น เชื่อว่าหากสามารถนำผลิตภัณฑ์ไปขายต่างประเทศได้จะทำให้บริษัทมีรายได้เกิน 2 ล้านบาทในปีนี้ จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะวางจำหน่ายแค่ในประเทศ ผ่านช่องทางของร้านจำหน่ายของฝาก รวมถึงร้านอาหารในจังหวัดกาญจนบุรี และช่องทางออนไลน์ของตัวแทนจำหน่ายที่รับผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายต่อซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างชะลอตัว ส่งผลทำให้บริษัทไม่สามารถตั้งเป้ารายได้ได้เลย
“บริษัทจะทำการตลาดในรูปแบบขายส่งเท่านั้น เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายได้ไปทำตลาดต่อ โดยบริษัทจะทำหน้าที่สนับสนุนทางด้านโปรโมชันการขาย และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งจะไม่มีการทำตลาดแข่งกับตัวแทนจำหน่าย โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์อยู่ที่ความสะดวกสบายในการทำอาหาร และรสชาติที่เป็นสูตรแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถเก็บผลิตภัณฑ์ไว้ได้นานถึง 1 ปี”
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 39 ฉบับที่ 3,474 วันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562