เอกชนเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

21 พ.ค. 2562 | 08:45 น.

เอกชนร่วมถกวิวัฒนาการยานยนต์ไทย “ผู้จัดมอเตอร์โชว์”เผยค่ายรถต้องพัฒนาแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น ด้านอีเอ ประกาศเดินหน้าขยายจุดชาร์จ และส่งแอพพลิเคชันรองรับผู้ใช้รถ ขณะที่ผู้ผลิตเอ็มจี ลั่นมิถุนายนนี้จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในตลาดประเทศไทย

 

ในงานสัมมนา “EVolution of Automotive” จัดขึ้นโดย บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์  (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเวทีเพื่อระดมความคิดเห็น มุมมองความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ยานยนต์แห่งอนาคต หรือ ยานยนต์ไฟฟ้า โดยได้รับการตอบรับจากภาครัฐและภาคเอกชนที่มาสะท้อนความคิดเห็น รวมไปถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายของไทยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์

เอกชนเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ารถไฟฟ้ามีหลากหลายขนาดของความจุไฟฟ้า ดังนั้นในฐานะผู้ขับขี่ต้องคำนึงถึงลักษณะการใช้งานเป็นสำคัญ อาทิ รถที่มีแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ความจุไฟฟ้าน้อยเหมาะสมสำหรับใช้ขับขี่ระยะใกล้ อาทิ ภายในหมู่บ้าน หรือขับระหว่างบ้านเพื่อมาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดใกล้ๆ บ้าน หรือรถที่แบตเตอรี่ความจุใหญ่หน่อยก็สามารถขับในระยะทางที่ไกลขึ้น ซึ่งตรงนี้ถ้าผู้ขับขี่ทั่วไปต้องการใช้รถไฟฟ้าเป็นยานพาหนะก็ควรเลือกมองรถที่ขนาดแบตเตอรี่ใหญ่

 

“ในแง่ผู้ประกอบการรถยนต์ควรพัฒนารถยนต์ที่มีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่เพื่อรองรับความต้องการของตลาด รวมทั้งประสิทธิภาพในการวิ่งของรถยนต์ที่ต้องสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางอย่างน้อย 200-300 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ไม่เพียงเท่านั้นผู้ผลิตและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ต้องกลับมามองดูในเรื่องจากอะไหล่ชิ้นส่วนเพื่อประกอบรถยนต์และสำหรับซ่อมบำรุงในอนาคตด้วย เพราะถ้านวัตกรรมยานยนต์เดินเร็วจนผู้ผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนไม่สามารถพัฒนาได้ทัน อันนี้อาจส่งผล เป็นปัญหาในอนาคต”

 

ด้านอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA  กล่าวว่า ปัจจุบันวางเป้าหมายติดตั้งสถานีชาร์จให้ครบ 1,000 สถานีครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ (โดย 1 สถานี มีหลายหัวชาร์จ) และได้ติดตั้งไปแล้วประมาณ 200 สถานี ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญบางจังหวัด

เอกชนเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากการเร่งในการก่อสร้างสถานีชาร์จแล้ว บริษัทฯ ยังพัฒนาแอพพลิเคชันที่เรียกว่า EA Anywhere App โดยผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับการแจ้งเตือนถ้าประจุไฟฟ้าภายในรถยนต์มีกำลังสำรองเหลือน้อย ซึ่งผู้ขับขี่สามารถค้นหาสถานีชาร์จที่อยู่ใกล้ที่สุด สถานีนั้นมีว่างอยู่กี่หัวจ่าย และสามารถจองหัวจ่ายผ่านแอพพลิเคชัน  ซึ่งยังพัฒนาต่อไปถึงด้านการจ่ายค่าไฟโดยสามารถจ่ายผ่านบัญชีธนาคารออนไลน์ หรือ อินเทอร์เนต แบงค์กิ้งได้

เอกชนเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

“ผู้ที่ขับขี่รถไฟฟ้านำรถไปชาร์จที่สถานีจะเสียค่าชาร์จเฉลี่ยที่ประมาณ 50 บาท่อชั่วโมง ซึ่งเป็นการชาร์จในรูปแบบปกติ แต่ถ้าในอนาคตมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ก็จะทำการศึกษาและกำหนดค่าชาร์จไฟอีกครั้งหนึ่ง โดยอาจจะคิดตามหน่วยไฟที่แท้จริง “         

เอกชนเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ด้าน นาย ผู่ จินฮวน หัวหน้าวิศวกร แผนก Project Operation Department PM Section EV Platform Chief Engineering, Shanghai E-Propulsion Auto Technology Co., Ltd  กล่าวว่า ปัจจุบัน SAIC จำหน่ายรถยนต์อยู่อันดับ 7 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของประเทศจีน โดยในปี2009 ลงทุนกว่า 20,000 ล้านหยวนเพื่อจัดตั้งบริษัท SEAT พัฒนานวัตกรรมรถยนต์ EV และโฟกัสอยู่ที่ 3 ประเด็นหลักได้แก่ 1. แบตเตอรี่ 2. มอเตอร์   และ 3. แผงคอนโทรล/ระบบควบคุมไฟฟ้า

 

“ตลอดระยะเวลา 10 ปี SAIC มีการเปิดตัวรถยนต์ EV ถึง 11 รุ่น และในปีนี้ SAIC เตรียมเปิดตัวรถ EV โฉมใหม่อย่าง  ZS EV พร้อมๆ กันใน 20 ประเทศทั่วโลก”

เอกชนเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับ SAIC มียอดขายรถ EV สะสมมากกว่า 200,000 คัน เฉพาะในปีที่ผ่านมาSAIC มียอดการจำหน่ายรถ EV กว่า 100,000 คัน ซึ่งในประเทศจีนมีรถยนต์ EV (HEV | PHEV | EV) มากถึง 1 ล้านคัน และกว่า 760,000 คัน เป็นรถพลังงานไฟฟ้า (EV) เท่านั้น

 

นาย ผู่ จินฮวน กล่าวเพิ่มเติมว่าจุดเด่นของรถ EV ของ SAIC มี 3 ประเด็น คือ 1. ประสิทธิภาพสูง โดย รถ EV ของ SAIC จะใช้มอเตอร์เป็นรูปสี่เหลี่ยม ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นวงกลม ซึ่งรูปแบบสี่เหลี่ยมจะดีกว่ารูปแบบเดิมถึง 10-15% มีแรงดันสูงกว่า 400 โวลต์ (DC 400 Volt) นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี S-Pedal (Smart Pedal) ที่ออกแบบมาให้สามารถชาร์จไฟได้ขณะเร่งเครื่องหรือลดความเร็วของเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ เกิดเป็นพลังงานหมุนเวียนขณะขับขี่

 

2. ความปลอดภัย รถ EV ของ SAIC ผ่านมาตรฐาน ISO 026262 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยระดับโลกที่ใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้ง ASIL หรือ Automotive Safety Integrity ในระดับ Level D  ซึ่งเป็นระดับความปลอดภัยสูงสุด  นอกจากนี้ ยังได้รับประกาศนียบัตร UL 2580 ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของแบตเตอรี่ โดยผ่านการทดสอบในด้านต่างๆ  8 ด้าน นอกจากนี้ รถ EV ของ SAIC ยังมีการปกป้องแบตเตอรี่แบบ 360 องศา (360 Degree Battery Shield)

 

3. ความคุ้มค่า รถ EV ของ MG มีระบบส่งกำลังไฟที่มีประสิทธิภาพสูง และแบตเตอรี่ให้กำลังไฟที่มากกว่ารถยนต์กลุ่มเดียวกัน ซึ่งนอกจากนี้ SAIC ยังได้ลงทุนด้านแบตเตอรี่ อะไหล่และชิ้นส่วน โดยการร่วมทุนกับผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีนและทำสัญญาการผลิตและจัดส่งกับซัพพลายเออร์ จึงมีซัพพลายเชนที่ครบถ้วน

เอกชนเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ด้านจาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์  (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า SAIC เริ่มศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพลังงานใหม่มาตั้งแต่ปี 2009 มาจนถึงทุกวันนี้ จึงมั่นใจได้ว่ารถยนต์ทุกรุ่นที่ออกขายสู่ตลาดในหลายๆ ประเทศโดยเฉพาะรุ่น EV นั้นมีเทคโนโลยีที่พร้อม ครบถ้วน และทันสมัย

 

สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ MG จะเข้าไทยในเดือนมิถุนายน 2562 และเพื่อลดความกังวลต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทาง MG จึงได้ร่วมมือกับ EA Anywhere และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในการสร้างสถานีชาร์จ (Charging Stations) ให้ครอบคลุมและทั่วถึง

เอกชนเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า