ชี้เทรนด์สุขภาพแรงเปิดตัวสระน้ำออนเซ็น

26 พ.ค. 2562 | 11:35 น.

อานิสงส์เทรนด์รักสุขภาพมาแรง “เจ.ดี.พูลส์” สบช่องเปิดตัวสระเจ.ดี.ออนเซ็น นํ้าแร่ ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ชื่นชอบออกกำลังกายในนํ้า เผย 2 ปี สยายปีกโชว์รูมเพิ่ม 5 สาขา หวังสร้างแบรนด์ให้ครอบคลุมระยะยาว

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ดี.พูลส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสระว่ายนํ้าและสระว่ายนํ้าเพื่อสุขภาพ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แผนการทำตลาดปีนี้จะให้ความสำคัญกับนวัตกรรมของสระว่ายนํ้าที่มีฟังก์ชันหลากหลาย มีคุณภาพ มีความปลอดภัยและตอบโจทย์ในด้านของสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ธุรกิจทั่วโลกในขณะนี้ที่ผู้ประกอบการในแต่ละธุรกิจต่างให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพ เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่สนใจสระว่ายนํ้าในมิติอื่นนอกเหนือจากการว่ายนํ้า คือการออกกำลังกายเช่น การเดินในนํ้า การใช้นํ้าบำบัดการผ่อนคลาย ด้วยการเปิดตัวสระว่ายนํ้ารูปแบบใหม่ สระเจ.ดี.ออนเซ็น นํ้าแร่ ในแบบญี่ปุนเพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพ และต้องการความผ่อนคลาย หลังจากปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวคาดิโอพูล สระว่ายนํ้าเพื่อสุขภาพเป็นครั้งแรกและสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้กว่า 200 สระหรือสามารถสร้างยอดขายให้บริษัทได้ 3-5% จากยอดขายทั้งหมด ซึ่งแม้ปัจจุบันยอดขายที่มาจากสระว่านํ้าเพื่อสุขภาพซึ่งถือเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ดังกล่าวจะยังน้อยอยู่ แต่จากแนวโน้มและความนิยมเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ดีในระยะยาว

ชี้เทรนด์สุขภาพแรงเปิดตัวสระน้ำออนเซ็น

ธนูศักดิ์ พึ่งเดช

 

 

นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวสระ เจ.ดี.ดา วินชี บลู ที่เน้น หรูหราเหมือนสระธรรมชาติ มีจุดเด่นที่ใช้พื้นที่ก่อสร้างน้อย ราคาประหยัดกว่าสระคอนกรีตเดิม มีราคาลดลง 25% จากราคาปกติทั่วไปในท้องตลาด เพื่อให้สอดรับแนวโน้มในตลาดที่จากเดิมตลาดสระว่ายนํ้าเน้นดีไซน์เน้นความสวยงามเป็นหลัก แต่จากแนวโน้มในปัจจุบันที่มีปัจจัยแวดล้อมมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่แพงขึ้น สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และใช้เพื่อความสวยงาม แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นเน้นการใช้งาน ฟังก์ชันที่หลากหลาย แต่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันและใช้พื้นที่ลดลง โดยในส่วนของบริษัทมีสระว่ายนํ้าเริ่มตั้งแต่ 6 ตร.ม. เข้ามาทำตลาดและต้องมีการนำนวัตกรรมเข้ามาควบคู่กับการทำตลาดด้วย

 

ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายโชว์รูมเพิ่มอีก 5 สาขา โดยเน้นเจาะหัวเมืองท่องเที่ยว ชลบุรี บุรีรัมย์ ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ ทั้งในรูปแบบการลงทุนเอง แฟรนไชส์ เพื่อเปิดโอกาสในการร้างการเติบโตให้แก่บริษัทอย่างยั่งยืน จากปัจจุบันที่บริษัทมีโชว์รูมอยู่ทั้งสิ้น 22 สาขา แบ่งเป็นแฟรนไชส์ 15 สาขา ลงทุนเอง 7 สาขา ขยายเพิ่ม 5 สาขา อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในสิ้นปีนี้เติบโตจากปีที่ผ่านมา 10% โดยมียอดขายมาจากการส่งออกกว่า 15 ประเทศ อาทิ ส่งออกในประเทศกลุ่มอาเซียน โมร็อกโก อียิปต์ 20%

“แม้การขยายสาขาเองอาจจะได้ยอดขายที่มากกว่า แต่ในรูปแบบแฟรนไชส์นั้นมีจุดเด่นคือการได้พลังในท้องถิ่นมากกว่า ซึ่งนั่นจะเป็นการสร้างการเข้าถึงและสร้างแบรนด์ได้เป็นอย่างดีในท้องตลาดอย่างยั่งยืน” 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3472 ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2562