บัญชีดำพ่นพิษ! กูเกิ้ลสะบั้นสัมพันธ์หัวเว่ยฯ กระทบการใช้ระบบแอนดรอยด์

20 พ.ค. 2562 | 03:26 น.

ผลกระทบจากประกาศฉุกเฉินของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 พ.ค. 2562) เริ่มส่งผลกระทบชัดเจนแล้วกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ยักษ์ใหญ่อุปกรณ์ด้านโทรคมนาคมของจีน ที่ถูกสหรัฐฯประกาศชื่อบริษัทเข้า บัญชีดำการซื้อขาย ที่เรียกว่า Entity List ห้ามบริษัทต่างๆในประเทศของสหรัฐฯ ใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของหัวเว่ย และบริษัทลูกอีกกว่า 68 แห่ง ขณะเดียวกันหากจะขายอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ใดๆของบริษัทให้กับหัวเว่ยฯ หรือบริษัทอื่นๆในบัญชีดำนี้ ก็จะต้องยื่นเรื่องของอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐฯก่อน จึงจะสามารถซื้อขายได้ ซึ่งกรณีนี้ก็จะทำให้หัวเว่ยฯ ซึ่งจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์บางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์จากซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ ก็จะถูกคัดกรองอย่างเข้มข้นและอาจจะไม่ได้ซื้อขายเลยด้วย

บัญชีดำพ่นพิษ! กูเกิ้ลสะบั้นสัมพันธ์หัวเว่ยฯ กระทบการใช้ระบบแอนดรอยด์

หลายฝ่ายมองว่านี่คือการยกระดับสงครามการค้ากับจีนของสหรัฐฯ และหัวเว่ยฯ ก็เป็นบริษัทเอกชนจีนที่ถูกเล็งเป้าเป็นอันดับแรกๆ สำนักข่าวต่างประเทศอย่างรอยเตอร์รายงานว่า กูเกิ้ลและอาจรวมถึงไมโครซอฟต์ ซึ่งเป็นบริษัทอเมริกัน จำเป็นต้องตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจกับหัวเว่ยฯ ตามคำสั่งของภาครัฐฯ ซึ่งนั่นหมายความว่า หัวเว่ยอาจจะไม่ได้ใช้งาน Android อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทแพทช์ความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์หัวเว่ยฯ Mate 30 Pro ก็อาจจะหมดโอกาสได้ใช้บริการทั้งหมดของกูเกิ้ล (Google Services) ด้วย

บัญชีดำพ่นพิษ! กูเกิ้ลสะบั้นสัมพันธ์หัวเว่ยฯ กระทบการใช้ระบบแอนดรอยด์

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐได้เพิ่มชื่อหัวเว่ยฯ และบริษัทลูก เข้าไปอยู่ในบัญชีดำการซื้อขาย  หรือ Entity List ดังกล่าว เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับที่บริษัท แซดทีอี ของจีน ก็เคยโดนมาแล้วเมื่อครั้งถูกสหรัฐฯจับได้ว่าบริษัทลักลอบขายสินค้าให้กับอิหร่านและเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรอยู่ บริษัทที่ถูกขึ้นชื่ออยู่ในบัญชีดำนี้จะไม่สามารถซื้อชิ้นส่วนหรือสินค้าต่างๆจากบริษัทในอเมริกาได้อย่างปกติ จนกว่าจะมีการเจรจาหาทางรอมชอมซึ่งหมายรวมถึงการยอมจ่ายค่าปรับให้กับสหรัฐฯ เช่นกรณีของแซดทีอี จึงจะถูกถอดชื่อจากบัญชีและกลับมาทำธุรกิจกับบริษัทสหรัฐฯได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม นักวิเคาะห์คาดว่า กรณีของหัวเว่ยฯ อาจไม่สามารถรอมชอมกับรัฐบาลสหรัฐฯได้ง่ายๆ

 

ในส่วนของบริษัท หัวเว่ย ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า หัวเว่ยฯ ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของสำนักงานด้านอุตสาหกรรมและความปลอดภัย (BIS) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา เนื่องจากการตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใดทั้งสิ้น และยังจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อบริษัทของสหรัฐฯเองที่หัวเว่ยทำธุรกิจด้วย รวมถึงตำแหน่งงานอีกหลายหมื่นตำแหน่งในสหรัฐฯอาจได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ การพยายามสกัดกั้นหัวเว่ยฯ ยังเป็นการขัดขวางความร่วมมือที่ดำเนินอยู่และความไว้วางใจซึ่งกันและกันในระบบซัพพลายเชนทั่วโลกอีกด้วย

สื่อต่างประเทศระบุว่า ความเคลื่อนไหวของกูเกิ้ลซึ่งเป็นการปฏิบัติตามประกาศของรัฐบาล จะทำให้หัวเว่ยฯสูญเสียการเข้าถึงการอัพเดทต่างๆของระบบปฏิบัติการ Android OS ทันทีและสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จะวางจำหน่ายในอนาคต ก็จะไม่สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและบริการต่างๆจากกูเกิ้ล รวมถึง Google Play Store และ Gmail

บัญชีดำพ่นพิษ! กูเกิ้ลสะบั้นสัมพันธ์หัวเว่ยฯ กระทบการใช้ระบบแอนดรอยด์

ทั้งนี้ กูเกิ้ลและหัวเว่ยฯกำลังศึกษาถึงผลกระทบที่จะตามมาอย่างละเอียด แม้จะยังไม่มีแถลงการณ์จากทั้งสองฝ่ายออกมาอย่างเป็นทางการ แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รายงานถึงผลกระทบโดยอ้างอิงการวิเคราะห์ของแหล่งข่าวที่ให้ไว้ ดังนี้ คือ คาดว่า หัวเว่ยฯจะยังสามารถเข้าถึง Android OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของกูเกิ้ล ผ่านทาง Open Source License แต่กูเกิ้ลจะหยุดความสนับสนุนและความร่วมมือต่างๆที่เกี่ยวกับ Android และบริการทั้งหมดของกูเกิ้ลโดยทันทีหลังการประกาศของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น Play Store แหล่งโหลดแอพต่างๆ รวมทั้ง Google Account ที่เอาไว้ซิงก์ข้อมูล และบริการต่างๆ อาทิ Google Maps, Gmail, YouTube, Google Drive, Google Photos, Google Docs และอื่นๆอีกมากมาย

 

สินค้าที่วางจำหน่ายไปแล้วไม่ว่าจะเป็น Huawei P30 Series หรือ Mate 20 Series รวมถึงลูกค้าปัจจุบัน จะยังใช้งานบริการ Google ทั้งหมดได้ตามปกติ แต่จะไม่ได้รับอัพเดทความปลอดภัยจาก Google อีกต่อไป รวมถึงการอัพเดทระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ ในขณะที่สินค้าที่กำลังจะวางจำหน่ายในอนาคต อาทิ Huawei Mate 30 Series อาจไม่มี Google Services ทั้งหมด ทั้งนี้ หัวเว่ยฯ มีกำหนดจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ คือ Honor 20 ในวันอังคารที่จะถึงนี้ (21 พ.ค.) ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะถูกระงับบริการและความสนับสนุนทั้งหมดของกูเกิ้ลเลย หรือจะยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ