‘ฮาบิแทท’ ขยายพอร์ตพัทยา รุกอสังหาฯลงทุนด้านโรงแรม

17 พ.ค. 2562 | 11:10 น.

            ทำไม ฮาบิแทท กรุ๊ป จึงมีธุรกิจในพัทยามากถึง 7 แห่ง และทิศทางธุรกิจจากนี้จะเป็นเช่นไร อ่านได้จากสัมภาษณ์นาย ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด

‘ฮาบิแทท’  ขยายพอร์ตพัทยา รุกอสังหาฯลงทุนด้านโรงแรม

 

ยึด 7 ทำเลพัทยารุกธุรกิจ 

        ในอดีตการลงทุนส่วนตัวของผมจะเป็นการซื้อ-ขายคอนโดฯ เพื่อทำกำไร ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี ตั้งแต่คอนโดฯราคา 5 หมื่นบาทต่อตรม.มาเป็น 2 แสนบาทต่อตร.ม. และบางที่ก็ปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมาผมลงทุนซื้อขายคอนโดฯและทาวน์เฮาส์หรูมากกว่า 63 แห่ง สร้างยอดขายมากกว่า 500 ล้านบาทในระยะเวลา 7 ปี

        ด้วยความที่ผมชอบเรื่องลักชัวรีและดีไซน์ และด้วยความที่ไปเที่ยวพัทยาบ่อย จึงเห็นการพัฒนาการของเมือง ที่เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยวและเมืองที่มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานจำนวนมาก ทำให้ผมผันตัวมาเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เต็มตัวในปี 2555 โดยก่อตั้งฮาบิแทท กรุ๊ป เริ่มลงทุนโครงการเดอะวิลล์ จอมเทียน พูลวิลล่า เป็นที่แรก โดยเรามองการลงทุน อสังหาฯที่ไม่ใช่การอยู่อาศัย แต่มองที่จะพัฒนาให้เป็นบ้านหลังที่ 2 เพื่อนำมา บริหารจัดการเป็นโรงแรม ซึ่งเจ้าของห้องก็ได้มาพัก และเมื่อไม่ได้มาพัก ก็ยังทำเงินให้ด้วย จากผลตอบแทนที่ได้รับ 

‘ฮาบิแทท’  ขยายพอร์ตพัทยา รุกอสังหาฯลงทุนด้านโรงแรม

       

          จากนั้นเราก็เปลี่ยนคอนเซ็ปต์ ของการลงทุนโดยมองข้ามช็อต ดีไซน์ให้ออกมาเป็นสไตล์โรงแรมเลย คือมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดเหมือนกับโรงแรม โดยดึงเชนที่จะมาบริหารโรงแรม มาช่วยดีไซน์ตั้งแต่ก่อสร้างโครงการ เพื่อให้โครงการมีคาแรกเตอร์ที่ตรงกับดีเอ็นเอของแต่ละแบรนด์ โดยในทุกโครงสร้างเราสร้างเพื่อขาย ทุกแห่งเราก็มีใบอนุญาตจดทะเบียนเป็นโรงแรมทั้งหมด ซึ่งในแต่ละโครงการได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี จนวันนี้มีโครงการในพัทยา 7 แห่งที่จะทำเป็นโรงแรม รวมห้องพักราว 1-2 พันยูนิต มูลค่าโครงการราว 6 พันล้านบาท

  เล็งเปิดอีก 4 โรงแรม

       ปัจจุบันมีโครงการที่บริษัทเปิดเป็นโรงแรมแล้ว 3 แห่งคือ เดอะวิลล์ จอมเทียน พูลวิลล่า ที่เราบริหารเอง ครอสทู ไวบ์ พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ สร้างขายในปี 2558 และเปิดเป็นโรงแรมเมื่อต้นปี 2561 ครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์สร้างปี 2558 จะเปิดตัวเป็นโรงแรมอย่างไม่เป็นทางการในปี 2562 ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ถือว่าเป็นแฟล็กชิพของเรา ว่าเป็นดีไซน์รีสอร์ตที่หรูหราทันสมัย ราคาขายอยู่ที่ 12-16 ล้านบาทต่อยูนิตแพงที่สุดของเรา 

‘ฮาบิแทท’  ขยายพอร์ตพัทยา รุกอสังหาฯลงทุนด้านโรงแรม

          ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 4 โครงการ เพื่อทยอยเปิดให้บริการเป็นโรงแรมในปีต่อๆ ไป เราดึงเชนจากสหรัฐอเมริกา 2 รายเข้ามาบริหาร โดยดึงเชนเบสท์ เวสเทิร์น เข้ามาบริหารเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา และอีกแห่งคือบลูเฟียร์พัทยาเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเลคชั่น อีกเชนคือวินด์แฮม ที่กำลังพัฒนาโครงการวินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา มียอดขายแล้ว กว่า 90% และรามาด้า บาย วินด์แฮม มิรา นอร์ท พัทยา ที่คาดว่าจะใช้เวลาสร้างเสร็จอีก 3 ปี ก็จะนำมาบริหารจัดการเป็นโรงแรมได้ ที่เราเลือกใช้เชนจากสหรัฐอเมริกา เพราะทั้ง 2 เชนนี้เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีสำหรับคนฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของเรา 

คนลงทุนมากขึ้น

      จากรูปแบบการลงทุนที่ชัดเจน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโลเกชันที่ดี ใกล้ทะเลเดินไม่เกิน 300 เมตร เน้นพัฒนาสไตล์ไลฟ์สไตล์ อินเวสต์เมนต์โปรดักต์ ที่สัมพันธ์ไปกับการขยายตัวของการท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไม่ใช่การพัฒนาอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัยที่จะขึ้นๆ ลงๆตามตลาด ก็ทำให้ฮาบิแทท ได้รับการตอบรับในการขายเป็นอย่างดี จะเห็นว่าเราเปิดในหลายโครงการใช้เวลาไม่กี่เดือนก็ขายได้หมด เพราะจะเห็นว่าวันนี้คนที่เคยลงทุนในตลาดหุ้นหรือลงทุนด้านอื่นผลตอบแทนที่ได้รับก็ไม่สูง หากเทียบกับการลงทุนในโครงการของบริษัทที่ปัจจุบันเราจ่ายผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 6% ในช่วง 3 ปี จากนั้นในปีต่อๆ ไปก็จะเป็นการแบ่งกำไรร่วมกัน โดยเจ้าของห้องพักได้ 70% และบริษัทได้ 30%

 

     ขณะที่บริษัทเอง นอกจากมีรายได้จากการขายแล้ว ต่อไปหากเราเปิดเป็นโรงแรม ก็จะทำให้เรามีรายได้จากค่าเช่าระยะยาวด้วย ซึ่งเรามั่นใจว่าจากจุดเด่นของโรงแรมต่างๆ ที่เน้นดีไซน์ที่เป็นไปตามดีเอ็นเอ ของเชนต่างๆที่เราดึงมาบริหาร เช่นบีเอชเอ็มเอมีจุดเด่นคาแรกเตอร์แบรนด์ครอสทูซึ่งเป็นที่ยอมรับของความเป็นบูติกลักชัวรี รีสอร์ต ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้โปรดักต์ของเรามีความแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 3 พันล้านบาท 

‘ฮาบิแทท’  ขยายพอร์ตพัทยา รุกอสังหาฯลงทุนด้านโรงแรม

 

เล็งผุดรร.อีก8-10แห่งพัทยา

        การลงทุนใหม่ในพัทยา เราก็ยังโฟกัส เพราะมองว่าต่อไปการเดินทางไปพัทยาจะสะดวกมาก จากการพัฒนาเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานมากมาย อย่างมอเตอร์เวย์ และอีกหลายโครงการอย่างไฮสปีดเทรน การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และโครงการต่างๆ ตามนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำให้ในอีก 5 ปีข้างหน้าเรายังมองว่าน่าจะเพิ่มการลงทุนโครงการในพัทยาอีก 8-10 แห่ง ทำให้ต่อไปเรามีห้องพักเพิ่มอีก 5-6 พันยูนิต ซึ่งโมเดลการทำอสังหาฯเพื่อการลงทุนเช่นนี้เหมาะกับพัทยา และเรายังมองถึงการขยายการลงทุนในลักษณะนี้ไปยังภูเก็ตด้วยเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว

        ส่วนการลงทุนในกรุงเทพฯวาลเด้น สุขุมวิท 31 และวาลเด้น สุขุมวิท 39 จะไม่ได้นำมาบริหารแบบโรงแรม แต่จะเป็นตลาด สำหรับการเช่าแบบลองสเตย์มากกว่า เพราะที่ดินมีราคาแพง ในแง่ของการลงทุนจะได้ยีลด์ตํ่า 3-4% ไม่ตอบโจทย์การลงทุน

       ทั้งหมดเป็นทิศทางการลงทุนของฮาบิแททกรุ๊ปที่เกิดขึ้น

สัมภาษณ์ โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3470 ระหว่างวันที่ 16 - 18 พฤษภาคม 2562

‘ฮาบิแทท’  ขยายพอร์ตพัทยา รุกอสังหาฯลงทุนด้านโรงแรม