รับมือ ‘จีน-สหรัฐฯ’ เปิดศึกการค้ารอบใหม่

บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3469 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 12-15 พ.ค.2562

รับมือ ‘จีน-สหรัฐฯ’

เปิดศึกการค้ารอบใหม่

          คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากระดับ 10% สู่ 25% หรือคิดเป็นประมาณ 40% ของมูลค่าที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีน มีผลเวลา 00.01 น. ของวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ส่งผลให้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกสูงขึ้น และมีแนวโน้มว่าจีนจะออกมาตรการตอบโต้การตัดสินใจของสหรัฐฯในครั้งนี้เช่นกัน ซึ่งการณ์ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างส่งผลกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัวตํ่าลงไปอีก จากล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2562 จากระดับ 3.7% เหลือ 3.3%

          ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ-จีนครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปจีนในปีนี้ขยายตัวเพียง 0.5% จากปีที่แล้วขยายตัว 2.3% และการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯจะขยายตัวเหลือเพียง 1% จากปีที่แล้วขยายตัว 5.3% ส่งผลให้การส่งออกของไทยในภาพรวมปีนี้จะขยายตัวเพียง 2.5-3% และเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 3.5%

          ดร.อัทธ์ประเมินว่า กลุ่มสินค้าส่งออกของไทยไปจีนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด 7 อันดับแรกที่จะส่งออกได้ลดลงได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง, ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, เคมีภัณฑ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ เนื่องจากกำลังซื้อของคนจีนจะลดลง และคำสั่งซื้อจากภาคอุตสาหกรรมของจีนเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบผลิตสินค้าส่งออกต่อไปสหรัฐฯลดลง

          ปัจจุบันจีนกับสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย มีสัดส่วนการค้าทั้ง 2 ประเทศรวมกันถึง 25% ของมูลค่าการค้าไทยโดยรวม เมื่อจีนและสหรัฐเปิดสงครามการค้าระหว่างกัน สินค้าส่งออกของไทยไปสหรัฐฯและจีนย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดยสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ได้ประเมินผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีผลทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยลดลงสุทธิ 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 2.57 หมื่นล้านบาท

          แน่นอนว่าการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจากระดับ 10% เป็น 25% ของสหรัฐฯครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยรุนแรงกว่าการขึ้นภาษีรอบแรก ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานที่ดูแลเศรษฐกิจโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเร่งประเมินผลกระทบและหามาตรการรับมือสงครามการค้าของ 2 ประเทศมหาอำนาจโดยเร็วที่สุด เพราะเศรษฐกิจของไทยพึ่งพาการส่งออกสูงถึง 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ