บลจ. 'กสิกรไทย' ปันผลกองทุนต่างประเทศ 380 ล้าน!

12 พ.ค. 2562 | 07:56 น.

นายนาวิน อินทรสมบัติ  รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.)เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล 4 กองทุนต่างประเทศคือ กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2561 ถึง 30 เมษายน 2562 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2561 ถึง 30 เมษายน 2562 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค เอเชียน สมอลเลอร์ หุ้นทุน (K-ASIA)

บลจ. 'กสิกรไทย' ปันผลกองทุนต่างประเทศ 380 ล้าน!

สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2561 ถึง 30 เมษายน 2562 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน (K-INDIA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ถึง 30 เมษายน 2562 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 384.06 ล้านบาท

 

  บลจ. 'กสิกรไทย' ปันผลกองทุนต่างประเทศ 380 ล้าน!

นายนาวินกล่าวว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-USA เมื่อปี 2555 มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปี รวม  24 ครั้ง เป็นเงิน 6.55 บาทต่อหน่วย โดยรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา กองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยที่ 6.20% ต่อปี และยังสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน และ 3 ปีอยู่ที่ 14.33% และ 17.95%ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 8.40% และ 13.78%ต่อปี ตามลำดับ

 

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปี แตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาค่อนข้างดี ด้านผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ซึ่งแม้จะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่อาจพลิกโผหากข้อตกลงยังไม่เป็นที่พอใจของประธานาธิบดีทรัมป์ อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบในระยะสั้น หากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีเป็น 25%

บลจ. 'กสิกรไทย' ปันผลกองทุนต่างประเทศ 380 ล้าน!

 ด้านกองทุน K-EUROPE นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2556 มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปีเช่นกัน รวมแล้ว  16 ครั้ง เป็นเงิน 3.65 บาทต่อหน่วย ซึ่งกองทุนสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน และ 3 ปีอยู่ที่ 12.17% และ 8.11%ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 11.24% และ 7.61%ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี ประเด็น Brexit แบบไม่มีข้อตกลงมีแนวโน้มลดลง ซึ่งส่งผลให้หุ้นเติบโตสูง (Growth stock) และหุ้นกลุ่มไอทีได้รับประโยชน์

 

ขณะที่กองทุน K-ASIA นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2556 มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปีเช่นกัน รวม  11 ครั้ง เป็นเงิน 3.00 บาทต่อหน่วย ซึ่งกองทุนสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน และ 3 ปีอยู่ที่ 14.30% และ 9.03%ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 11.41% และ 4.16% ต่อปี ตามลำดับ โดยตลาดหุ้นเอเชียได้รับอานิสงส์จากการคาดการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง (Dovish) ทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น อย่างไรก็ดี การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังคงแข็งแกร่ง ค่าเงินมีเสถียรภาพ อีกทั้งระดับราคาหุ้นซื้อขายถูกกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น

 

สำหรับกองทุน K-INDIA มีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนแล้ว 15 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3.90 บาทต่อหน่วย โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน และ 3 ปีอยู่ที่ 16.60% และ 10.55% ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 17.29% และ 12.02% ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ เศรษฐกิจอินเดียได้รับแรงหนุนจากการบริโภคในประเทศ ธนาคารกลางอินเดียสามารถผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน โดยปรับลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 6% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ดี ควรจับตาผลการเลือกตั้งช่วงปลายเดือน พ.ค. ซึ่งคาดว่าพรรคบีเจพีของนายโมดีมีแนวโน้มได้เป็นรัฐบาลต่อไป ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย