อินทัช ไตรมาสแรกกำไรลดลง20%อยู่ที่ 2,904 ล้าน

12 พ.ค. 2562 | 03:37 น.

อินทัช รายงานกำไรสุทธิ 2,904 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2562 ลดลงร้อยละ 20 จากไตรมาส 1/2561 โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรจากการขาย ซีเอสแอลของไทยคมในไตรมาสที่ 1/2561 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 57 จากไตรมาส 4/2561 เนื่องจากการรับรู้การด้อยค่าของสินทรัพย์ดาวเทียมไทยคมในไตรมาส 4/2561 หากไม่รวมรายการดังกล่าว อินทัชมีกำไรปกติลดลงร้อยละ 9 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2561 และไตรมาส 4/2561 ตามลำดับ 

    โดยส่วนแบ่งผลกำไรในไตรมาส 1/2562 จากเอไอเอสอยู่ที่ 2,996 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากไตรมาสก่อนหน้า 

อินทัช ไตรมาสแรกกำไรลดลง20%อยู่ที่ 2,904 ล้าน

 

     ขณะที่ไตรมาส 1/2562 ไทยคม มีส่วนแบ่งผลขาดทุน 14 ล้านบาท แต่มีส่วนแบ่งผลกำไร 453 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2561 และลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2561 ที่มีส่วนแบ่งผลขาดทุน 818 ล้านบาท 

   สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทอื่นๆ ประกอบด้วย ไฮ ช็อปปิ้ง มียอดขายเฉลี่ยต่อวันในไตรมาส 1/2562 ที่ 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านบาทในไตรมาส 1/2561 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่  ร้อยละ 50 ถึงแม้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากการเลือกตั้งทั่วไป โดยผู้ชมเลือกชมรายการข่าวมากขึ้นและลดการซื้อสินค้าผ่านทางโทรทัศน์ลง แต่จากกลยุทธ์ในการเพิ่มช่องทางการออกอากาศ การร่วมมือกับพันธมิตรในการผลิตรายการและขายสินค้า ทำให้ไฮ ช็อปปิ้ง สามารถรักษาการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการหาสินค้าที่มีอัตรากำไรที่สูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น และผลขาดทุนสุทธิลดลง 

     โดย ไฮ ช็อปปิ้ง ยังคงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จด้วยการร่วมมือกับผู้ให้บริการออกอากาศช่องดาวเทียมและช่องรายการโทรทัศน์ที่มีฐานผู้ชมที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างตลาดใหม่ให้เป็นที่รู้จัก และยังคงเน้นการนำเสนอสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น สินค้าแฟชั่น สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยตั้งเป้าหมายรายได้สำหรับปี 2562 ไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือมียอดขายเฉลี่ยที่มากกว่า 3 ล้านบาทต่อวัน

.

โครงการอินเว้นท์ ในปี 2562 อินทัชยังคงนโยบายการลงทุนภายใต้งบประมาณ 200 ล้านบาท โดยศึกษาการลงทุนธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยีเกิดใหม่หรือมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งแสวงหาการลงทุนที่สามารถต่อยอดการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี 5G ได้ในอนาคต เช่น Artificial Intelligence (AI) Internet of Things (IoT) Blockchain Data Analytics เป็นต้น เนื่องจากเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีที่กล่าวมาได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และจะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญต่อผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา อินทัชได้อนุมัติให้มีการลงทุนแล้ว 4 บริษัท และอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนอีกหลายบริษัท โดยอินทัชยังคงนโยบายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี และขยายขอบเขตการลงทุนไปยังบริษัทที่อยู่ในช่วงการพัฒนาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 

    อินทัช ไม่ได้เพียงแสวงหาการลงทุนใหม่ๆ แต่สนับสนุนให้สตาร์ทอัพภายใต้พอร์ตการลงทุนเติบโตขึ้นและสามารถหาทุนเพื่อขยายธุรกิจได้ต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด สามารถเพิ่มทุนจากนักลงทุนรายใหม่ได้ ส่งผลให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนของอินทัชเติบโตขึ้นร้อยละ 26 จากสิ้นปี 2561 มาอยู่ที่ 922 ล้านบาท นับเป็นความสำเร็จของอินทัชในการสนับสนุนให้บริษัทภายใต้การลงทุนมีมูลค่าที่สูงขึ้นและสามารถเติบโตต่อไปตามแผนที่ได้วางไว้

อินทัช ไตรมาสแรกกำไรลดลง20%อยู่ที่ 2,904 ล้าน