5 ปี 50 เศรษฐีรวยเพิ่ม 2.5 ล้านล.  2 เจ้าสัวดาวรุ่ง ‘สารัชถ์-สมโภชน์’ ผงาด

12 พ.ค. 2562 | 07:40 น.

เปิดความมั่งคั่ง 50 มหาเศรษฐีไทย 5 ปี รวยพุ่ง 2.54 ล้านล้านบาท “เจียรวนนท์” กวาดเพิ่ม 4.8 แสนล้านบาท “จิราธิวัฒน์” 2.58 แสนล้านบาท จับตา 2 นักธุรกิจพลังงาน “สารัชถ์” จากกลุ่มกัลฟ์  “สมโภชน์” กลุ่มอีเอ มาแรงผงาดติดท็อป 10 ทำเนียบเจ้าสัวไทย

นิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ จัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีประเทศไทยที่รํ่ารวยที่สุด ประจำปี 2562 พบว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยรวมของมหาเศรษฐีในทำเนียบอยู่ที่ 1.605 แสนล้านดอลลาร์ ประมาณ 5.14 ล้านล้านบาท เมื่อ 5 ปีที่แล้วในปี 2558 พบว่า 50 มหาเศรษฐีไทยที่รํ่ารวยที่สุดมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ปี 2558 บุคคลเหล่านี้มี มูลค่าความรํ่ารวยรวมเพิ่มขึ้นถึง 2.54 ล้านล้านบาท จาก 2.6 ล้านล้านบาทในปี 2558 เป็น 5.14 ล้านล้านบาทในปี 2562

“กัลฟ์”เติบโตก้าวกระโดด

เมื่อเจาะลึกในรายละเอียด 10 อันดับแรกมหาเศรษฐีไทยในปี 2562 พบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีมหาเศรษฐีไทย 2 คนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด คนแรกคือนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Gulf ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.66 แสนล้านบาท จากเมื่อ 5 ปีที่แล้วไม่มีชื่อเขามาติดอยู่ใน 50 ทำเนียบมหาเศรษฐีประเทศ ไทย สามารถก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 5 ของไทย

นายสารัชถ์เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่เข้าสู่วงการพลังงาน และเริ่มเป็นที่รู้จัก จากการชนะการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่หรือไอพีพี เป็นครั้งแรกของประเทศเมื่อปี 2550 หลังจากนั้นมาได้ขยายอาณาจักรโดยการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีและโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็กหรือเอสพีพี รวมถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน อย่างต่อเนื่อง จนได้ฉายาว่าเป็นนักเจรจาต่อรองมือฉมังระดับต้นๆ ของประเทศ ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับทางการเมืองทุกยุคสมัย

ปัจจุบันกลุ่มกัลฟ์ฯมีโรงไฟฟ้าอยู่ในมือที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้าง 28 โครงการ เป็นไอพีพี 4 เอสพีพี 19 โครงการ และพลังงานหมุนเวียนอีก 5 โครงการ รวมกำลังการผลิต ตามสัดส่วนการถือหุ้นราว 11,124 เมกะวัตต์ มีกำลังผลิตที่เปิดดำเนินการแล้ว 5,282 เมกะวัตต์ และในปี 2567 จะเพิ่มเป็น 11,910 เมกะวัตต์ เป็นเอกชนที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารายใหญ่สุดของประเทศอยู่ในเวลานี้ และช่วงปี 2560-2561 ได้เริ่มขยายธุรกิจไฟฟ้าสู่ประเทศ โดยการเข้าไปลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในโอมาน และใน CLMV คิดเป็นกำลังการผลิตราว 785 เมกะวัตต์ โดยกลุ่มกัลฟ์ฯได้เข้าจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2560 โดยนายสารัชถ์ ถือหุ้นล่าสุดอยู่ในบริษัทราว 756 ล้านหุ้น หรือราว 35.77%

คนที่2 คือนายสมโภชน์ อาหุนัย มหาเศรษฐีอันดับ 10 เจ้าของบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรืออีเอ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 9.03 หมื่นล้านบาท จากเมื่อ 5 ปี ที่แล้วในปี 2558 เขาอยู่ในอันดับที่ 40 ในทำเนียบมหาเศรษฐีไทยมูลค่าทรัพย์สิน 1.03 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8หมื่นล้านบาท

 

“อีเอ”ขึ้น10มหาเศรษฐี

นายสมโภชน์ เป็นนักธุรกิจด้านการเงินที่หันหัวเข้าสู่วงการพลังงาน ในธุรกิจผลิตไบโอดีเซลหรือบี 100 กลีเซอรีน และผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ นับตั้งแต่มีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ที่ผลิตไบโอดีเซลขาย นำมาผสมกับนํ้ามันดีเซล เป็นบี 7 ที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน และสามารถประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมในช่วงแรกๆที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐในรูปแบบ Adder ไว้ในมือเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะนำพาอีเอ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้ในปี 2556

ปัจจุบันอีเอมี โรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ อยู่ในมือราว 278 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 386 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการแล้ว 404 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือจะก่อสร้างและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในช่วงปีนี้ จนครบ 664 เมกะวัตต์ นอกจากนี้อีเอกำลังจะขยายธุรกิจเข้าสู่การเป็นผู้นำพลังงานทางเลือก โดยมีแผนที่จะลงทุนตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ และรถยนต์ไฟฟ้า และเรือไฟฟ้า ที่จะเป็นธุรกิจใหม่ในอนาคตอันใกล้

 

“ซีพี-เซ็นทรัล”รวยพุ่ง

ส่วนมหาเศรษฐีอันดับ1 ของไทย “ตระกูลเจียรวนนท์” ภายใต้การนำของ “ธนินท์ เจียร-
วนนท์”  จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจาก 4.8 แสนล้านบาทในปี 2558 เป็น 9.41 แสนล้านบาท ในปี 2562 หรือเพิ่มขึ้น 4.61 แสนล้านบาท ปัจจุบัน อาณาจักรซีพีมี 8 สายธุรกิจหลัก รวม 13 กลุ่มธุรกิจย่อย โดยบริษัทเรือธงที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเช่น เจริญโภค ภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ, ซีพีออลล์  (7-11) ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น  5 ปี 50 เศรษฐีรวยเพิ่ม 2.5 ล้านล.   2 เจ้าสัวดาวรุ่ง  ‘สารัชถ์-สมโภชน์’ ผงาด

อันดับ2 ตระกูลจิราธิวัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล ทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2.58 แสนล้านบาทจาก 4.12 แสนล้านบาทในปี 2558 เป็น 6.70 แสนล้านบาทในปี 2562 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลทุ่มงบลงทุนขยายอาณาจักรอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2561 กลุ่มเซ็นทรัลได้ประกาศยุทธศาสตร์ NEW CENTRAL, NEW E-CONOMY พร้อมแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2561-2565) โดยจะใช้งบลงทุนรวมกว่า 2 แสนล้านบาทสำหรับลงทุนในทุกธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) 

 

เร่งขยายอาณาจักร

ส่วนมหาเศรษฐีอันดับ 3 นายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้คุมบังเหียนกลุ่มกระทิงแดงในต่างแดน และอีกกว่า 20 บริษัทในเครือ 5 ปีที่ผ่านมาทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 3.15 แสนล้านบาท จาก 3.2 แสนล้านบาทในปี 2558 เป็น 6.35 แสนล้านบาท ในปี 2562 โดยในปี 2560 กลุ่มกระทิงแดงเปลี่ยนชื่อเป็น กลุ่มทีซีพี (TCP) พร้อมประกาศก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 พร้อมจัดทำแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2560-2564) ใช้เงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ในการเดินหน้าธุรกิจเพื่อปั้นยอดขาย 1 แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3 เท่า

อันดับ4 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ ทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 8.7 หมื่นล้านบาท จาก 4.3 แสนล้านบาทในปี 2558 เป็น 5.17 แสนล้านบาทในปี 2562 โดย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศวิชัน 2020 (ปี2558-2563) ตั้งเป้าลงทุนไม่ตํ่ากว่าปีละ 5,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่าง “ทีซีซีแลนด์” ระหว่างปี 2558-2562 ได้ใช้งบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาทในการขยายสาขาแบรนด์เอเชียทีคฯ รวมถึงเกตเวย์ และบ็อกซ์ สเปซ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

อีกกลุ่มที่น่าสนใจคือตระกูลโอสถานุเคราะห์ มหาเศรษฐีอันดับ 8 ภายใต้การนำของนายเพชร โอสถานุเคราะห์ และนายนิติ โอสถานุเคราะห์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 5.81 หมื่นล้านบาท จาก 3.76 หมื่นล้านบาท ในปี 2558 เป็น 9.57 หมื่นล้านบาทในปี 2562 โดยในปี 2561 ทีผ่านมา “ตระกูลโอสถานุเคราะห์” ได้นำบริษัทเข้าไประดมทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเติบโตย่างยั่งยืน ควบคู่กับสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่ประเทศเมียนมา ก่อนจะยํ้าจุดยืนของตระกูลที่ว่าครอบครัวต้องการให้โอสถสภาอยู่ในธุรกิจไปอีก 200 ปี 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,469 วันที่ 12 - 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

 5 ปี 50 เศรษฐีรวยเพิ่ม 2.5 ล้านล.   2 เจ้าสัวดาวรุ่ง  ‘สารัชถ์-สมโภชน์’ ผงาด