ร.ร.กวดวิชาดิ้นสู้ พลิกหลักสูตรรับภาคอินเตอร์-ออนไลน์

ปัจจัยลบอื้อ! โรงเรียนกวดวิชาไทยทรุดยาว แนะผู้ประกอบการเร่งปรับแผนเสริมคุณภาพ-บริการ พร้อมรับเทรนด์ ภาคอินเตอร์ English Program แรง แบรนด์ดัง “เอ็นคอนเส็ปท์” ชี้เศรษฐกิจ การเมืองพ่นพิษทำตลาดหด 20% พร้อมปรับทัพหลักสูตรออนไลน์-อินเตอร์ ขยายฐานผู้เรียน

กว่า 10 ปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดโรงเรียนกวดวิชาของไทยมีการเติบโตสูงแบบก้าวกระโดด เกิดโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังขึ้นมากมายขยายสาขาทั่วประเทศ จนถึงช่วงที่วงการการศึกษาไทยเริ่มปรับรูปแบบการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยใหม่ ทำให้โรงเรียนกวดวิชาลดความนิยม ขณะที่การเข้ามาของออนไลน์ ส่งผล ดิสรัปต์ โรงเรียนกวดวิชาไทย ผนวกอัตราการเกิดของจำนวนประชากร ที่ตํ่า ทำให้จำนวนนักเรียนลดลงเกือบ 50% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ทำให้แต่ละค่ายต่างปรับทัพเพื่อให้อยู่รอดพร้อมกับรักษาการเติบโตไว้ให้ได้

นายอนุสรณ์ ศิวะกุล ประธานชมรมการศึกษาทางเลือก และประธานผู้บริหาร บริษัท วรรณสรณ์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เจ้าของโรงเรียนกวดวิชา “เคมี อ.อุ๊” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวม โรงเรียนกวดวิชาในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามีการปิดตัวลงบ้าง จากจำนวนนักเรียนที่ลดลงซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเกิดที่ลดลง ส่งผลให้ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาจำนวนนักเรียนในเมืองไทยลดลงถึง 50% หรือราว 7-8 แสนคน ทำให้โรงเรียนกวดวิชาต้องปรับตัว สร้างโพสิชันนิงและกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ 1.กลุ่มที่มองว่าโรงเรียนกวดวิชาเป็นธุรกิจ 100% ที่จะสร้างการประชาสัมพันธ์และกลยุทธ์ทางการตลาดควบคู่กับคุณภาพของการเรียน และ2.กลุ่ม ที่มองว่าโรงเรียนกวดวิชาคือโรงเรียนที่เน้นให้ความรู้ โดยจะพัฒนาการเรียนการสอนที่มีคุณภาพมากกว่าเรื่องของการตลาด โดยแนวโน้มโรงเรียนกวดวิชาในปีนี้น่าจะยังทรงตัวจากปีที่ผ่านมา

“ภาคอินเตอร์หลักสูตร English Program คือเทรนด์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ เนื่องจากหลักสูตรอินเตอร์กำลังได้รับความนิยม ขณะเดียวกันกลุ่มที่เรียนในหลักสูตรดังกล่าวถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ดังนั้นโรงเรียนกวดวิชาหลายแห่งจึงมุ่งเน้นการเรียนการสอนที่รองรับความต้องการของคนกลุ่มนี้ ทำให้การเรียนรูปแบบอินเตอร์เป็นที่นิยมมากในขณะนี้”

ด้านนายธานินทร์ เอื้ออภิธร กรรมการผู้จัดการ Learnbalance Group และผู้บริหารสถาบันการศึกษาภาษาอังกฤษ Enconcept E-Academy เปิดเผยว่า แนวโน้มสถาบันกวดวิชาในปีนี้น่าจะชะลอตัว อันเป็นผลจากสถานการณ์ทางการเมืองเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจถูกกำหนดด้วยการเมืองในการขับเคลื่อนมากกว่าในอดีต ซึ่งหากการเมืองไม่มีเสถียรภาพก็จะส่งผลไปยังสภาพเศรษฐกิจให้ชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ปกครองชะลอหรือใช้จ่ายน้อยลง ทั้งนี้ปัจจุบันทางสถาบันมีจำนวนนักเรียนราว 1 แสนคนต่อปี แบ่งเป็นกลุ่มนักเรียน ม.ปลาย 60%, ม.ต้น 20%, กลุ่มประถมศึกษาและวัยผู้ใหญ่ 20% นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้เรียนจากหลักสูตรที่ทางสถาบันพัฒนาขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้สนใจและโรงเรียนอีกกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศอีกหลักล้านราย

                                                            ธานินทร์ เอื้ออภิธร 

สำหรับสถาบันเองได้มีการปรับยุทธศาสตร์การดำเนินงานทั้งในส่วนของหลักสูตรการเรียนการสอนและแผนการบริหารงาน โดยจะให้ความสำคัญกับการดำเนินงานภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ 1.เน้นการเรียนการสอนในการสอบเข้าภาคอินเตอร์มากขึ้น เนื่องจากกำลังเป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนรุ่นใหม่ 2.เน้นตลาดออนไลน์ ที่สถาบันเป็นผู้นำเบอร์ 1 มาเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มการเรียนการสอนในช่องทางดังกล่าวให้สามารถสื่อสารกับผู้เรียน เช็กจำนวนการเข้าเรียน ในการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ผู้เรียนเพิ่มขึ้น 3.เน้นหลักสูตรเพื่อสอบเข้าคณะเฉพาะทางมากขึ้น 4.การปรับตัวรับการสอบ TCAS ซึ่งเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระบบใหม่ เพื่อให้ทันต่อกฎเกณฑ์และสร้างโอกาสในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้แก่นักเรียน 5.การปรับตัวให้เข้ากับทิศทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป จากในอดีตที่การเมืองไม่ได้มีบทบาทกำหนดทิศทางการศึกษามากนัก

อย่างไรก็ตามทางสถาบันมั่นใจว่าจากการวางยุทธศาสตร์การเรียนการสอนแบบรอบด้านจะสามารถผลักดันให้ภาพรวมของสถาบันมีการเติบโตทรงตัวจากปีที่ผ่านมา ที่ปิดรายได้ 500 ล้านบาท โดยในส่วนของหลักสูตรออนไลน์ของสถาบันมีการเติบโตสูงถึง 30% เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่เติบโต 20% หรือคิดเป็นยอดขายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งแม้ปัจจุบันภาพรวมตลาดสถาบันกวดวิชาจะลดลง 20-30% ในปีที่ผ่านมา แต่ว่าทางสถาบันยังไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีการปรับหลักสูตร พัฒนาแผนการเรียนการสอนแบบรอบด้านเพื่อรองรับ 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3469 ระหว่างวันที่ 12-15 พฤษภาคม 2562