หัวเว่ย ร้องศาลแคนาดา ระงับส่ง “เมิ่ง หว่านโจว” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน

09 พ.ค. 2562 | 10:28 น.

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมจากประเทศจีน ได้เปิดเผยคำแถลงการณ์ประกอบการพิจารณาคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนของนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทที่ถูกจับกุมตัวที่ประเทศแคนาดาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 และกำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีที่ประเทศแคนาดาเพื่อส่งตัวเธอในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐอเมริกาตามคำขอของทางการสหรัฐฯ ซึ่งออกหมายจับและขอความร่วมมือจากทางการแคนาดาให้จับกุมตัวนางเมิ่งด้วยข้อกล่าวหาละเมิดการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ ด้วยการให้ข้อมูลเท็จแก่สถาบันการเงินและปกปิดธุรกรรมการซื้อขายสินค้าเทคโนโลยีให้กับอิหร่านซึ่งขัดต่อมติคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ

 

ต่อไปนี้ เป็นเนื้อหาแถลงการณ์ฉบับแปลที่ออกโดยหัวเว่ยฯ

เมิ่ง หว่านโจว และทีมทนาย ที่ศาลฎีกาบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562

...นับตั้งแต่เริ่มแรก หัวเว่ยมั่นใจมาโดยตลอดว่านางเมิ่ง หว่านโจว เป็นผู้บริสุทธิ์ เราเชื่อเหลือเกินว่าการจับกุมนางเมิ่งตามคำสั่งของสหรัฐอเมริกานั้นเป็นกระบวนการที่ละเมิดกฎหมาย โดยมีปัจจัยและวิธีการที่ถูกชี้นำโดยการเมือง ไม่ใช่หลักนิติธรรม

 

ในศาลวันนี้ ทีมทนายของนางเมิ่งได้เปิดเผยข้อมูลใหม่ที่สำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่

 

ประเด็นที่หนึ่ง คดีอาญาของนางเมิ่งมาจากข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะการพิจารณาคดีในศาลวันนี้ปรากฏเป็นที่ชัดเจนว่า กิจกรรมทางธุรกิจของนางเมิ่งนั้นเป็นการดำเนินการอย่างเปิดเผยและโปร่งใสโดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารรับทราบข้อมูลครบถ้วน  ทีมทนายยังได้ตั้งข้อสังเกตในศาลวันนี้ว่า ไฟล์พาวเวอร์พอยต์ที่นำเสนอนั้นไม่ได้ทำให้ธนาคารเข้าใจผิด  และทางธนาคารได้มีการรับทราบถึงลักษณะธุรกิจและการดำเนินงานของบริษัท สกายคอม ในประเทศอิหร่านเป็นอย่างดี  และยังเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท หัวเว่ยฯ และบริษัท สกายคอมด้วย ดังนั้น จึงไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่านางเมิ่งได้กระทำการอันเป็นการ "หลอกลวง ไม่ซื่อสัตย์ หรือใช้วิธีการฉ้อฉลอื่นๆ" หรือทำให้ธนาคารมีความเสี่ยงที่จะถูกตัดสิทธิอันชอบธรรมจากการยึดข้อมูลในพาวเวอร์พอยต์ของนางเมิ่งเป็นหลัก

 

ประเด็นที่สอง มีการเปิดเผยว่าการกระทำต่างๆ ที่ดำเนินการตามคำสั่งของ FBI เป็นการละเมิดสิทธิภายใต้กฎบัตรสิทธิมนุษยชนของนางเมิ่งอย่างร้ายแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตามหลักฐานที่เปิดเผยโดยกระทรวงยุติธรรม (DOJ) ของแคนาดา การจับกุมนางเมิ่ง หว่านโจว ที่สนามบินเป็นการประสานงานของสามหน่วยงาน คือ ตำรวจม้าแคนาดา (Royal Canadian Mounted Police - RCMP), หน่วยบริการชายแดนแคนาดา (Canada Border Services Agency - CBSA) และเอฟบีไอ   ตำรวจแคนาดาจงใจถ่วงเวลาการออกหมายจับเพื่อกักตัวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และค้นตัวนางเมิ่งโดยอ้างว่าเป็นการตรวจสอบที่จุดผ่านแดนตามปกติ กระเป๋าเดินทางของเธอถูกรื้อค้น โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ของเธอถูกยึดตามคำสั่งของ FBI และเธอถูกบังคับให้บอกรหัสผ่าน หลักฐานสำคัญอีกหลายอย่างเกี่ยวกับคดีนี้ยังคงอยู่ในมือของ RCMP, CBSA และ DOJ นางเมิ่งจะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ RCMP, CBSA และ DOJ เปิดเผยหลักฐานเพิ่มเติมในเรื่องนี้

 

ประเด็นที่สาม มีการเปิดเผยว่าการจับกุมนางเมิ่งเป็นการละเมิดหลักการสำคัญของสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างแคนาดาและสหรัฐอเมริกา รวมทั้งกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของแคนาดา เนื่องจากข้อกล่าวหาที่เธอได้รับนั้นไม่ใช่อาชญากรรมในประเทศแคนาดา  แต่เป็นการที่สหรัฐฯ กล่าวหานางเมิ่งในเรื่องการละเมิดการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ  อย่างไรก็ตาม แคนาดาก็ไม่ได้มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรด้านบริการทางการเงินใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ดังนั้น คำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนจึงไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดเรื่องความผิดตามกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ (Double Criminality)

 

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่าปัจจัยทางการเมืองที่ยังคงดำเนินอยู่ในระหว่างกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจนำไปสู่การละเมิดความยุติธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้สิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายของนางเมิ่งอาจถูกลิดรอนได้เช่นกัน ดังนั้น นางเมิ่งจึงตั้งใจที่จะยื่นคำร้องต่อศาลนี้เพื่อขอให้ยุติกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

 

ชาวแคนาดาให้ความสำคัญกับหลักการของกฎหมายและกฎบัตรแห่งสิทธิ เจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายจึงต้องปฏิบัติตามกฎทุกครั้งในทุกกรณีและต่อทุกคน เหมือนกันทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยว

 

เราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของแคนาดา  และเราเองก็หวังที่จะได้เห็นนางเมิ่งกลับคืนสู่อิสรภาพอีกครั้ง

(จบเนื้อหาแถลงการณ์)

นางเมิ่ง หว่านโจว ยิ้มสดใสท่ามกลางทีมทนายหลังศาลชะลอกระบวนการส่งตัวเธอเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในที่สุดทีมทนายของหัวเว่ยฯ ก็ประสบความสำเร็จในการชะลอกระบวนการส่งตัวนางเมิ่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ โดยศาสฎีกาแห่งบริติช โคลัมเบีย มีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 ให้ชะลอกระบวนการดังกล่าวไปจนกว่าการพิจารณาไต่สวนที่แยกส่วนกัน ซึ่งกำหนดมีขึ้นในช่วงสิ้นเดือนกันยายนนี้ จะชี้ชัดออกมาว่ายังต้องมีการเปิดเผยหลักฐานใดๆเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งนี้ ทีมทนายความของนางเมิ่งระบุว่า เหตุผลที่กระบวนการส่งตัวนางเมิ่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ สมควรถูกยกเลิกไปนั้น มีเหตุผลดังนี้คือ หนึ่ง กระบวนการจับกุมตัวเธอเป็นกระบวนการที่มิชอบตั้งแต่ต้น สอง ข้อกล่าวหาที่ทางการสหรัฐฯฟ้องร้องเธอนั้นไม่ใช่อาชญากรรมในประเทศแคนาดา และสาม การที่สหรัฐฯขอร้องทางการแคนาดาให้ส่งตัวเธอเป็นผู้ร้ายข้ามแดนนั้น เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ นายสก๊อต เฟ็นตั้น หนึ่งในทีมทนายของนางเมิ่งกล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯอเมริกาออกมาพูดในวันที่นางเมิ่งได้รับอนุญาตจากศาลของแคนาดาให้ได้รับการประกันตัวว่า เขาอาจจะเข้าแทรกแซงเพื่อให้มีการปล่อยตัวนางเมิ่ง หากว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ของประเทศชาติหรือช่วยให้สหรัฐฯสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน เป็นการกระทำที่น่าอดสูและทำลายหลักนิติธรรม  


หัวเว่ย ร้องศาลแคนาดา ระงับส่ง “เมิ่ง หว่านโจว” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน