สหรัฐฯ-จีนเจรจายืดเยื้อ ... การขึ้นภาษีเป็น 25% ป่วนการค้าไทยอีกครั้ง

08 พ.ค. 2562 | 05:51 น.

รายงานพิเศษโดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 7 พฤษภาคม 2562

ประเด็นสำคัญ

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงไม่ได้บทสรุปที่พึงพอใจแก่ทั้งสองฝ่าย อีกทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จะเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นร้อยละ 25 จากที่ร้อยละ 10 ในวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมนี้ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อภาพทางการค้าโลก ซึ่งการขึ้นภาษีครั้งนี้สะท้อนแรงกดดันที่สหรัฐฯ ต้องการเร่งให้จีนเจรจาตามแนวทางที่คาดหมายไว้ เพื่อนำไปสู่บทสรุปที่พึงใจแก่ทั้งสองฝ่ายจนสามารถยุติสงครามการค้านี้ได้ภายในสิ้นปี 2562

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเป็นร้อยละ 25 กับสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยคิดเป็นมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดกรณีเลวร้าย ในการเก็บภาษีสินค้ากลุ่มที่เหลืออีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อันจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเป็นมูลค่า 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยผลกระทบเหล่านี้ส่งผลต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีเพิ่มเติมที่ร้อยละ 0.2 ถึงร้อยละ 0.6 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งปี 2562 ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสริกรไทยได้ประมาณการส่งออกของไทยตลอดปี 2562 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.2 (ณ เดือนเมษายน) ภายใต้สมมติฐานที่ว่าสหรัฐฯ คงภาษีไว้ที่ร้อยละ 10 กับสินค้าจีน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยคิดเป็นมูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สหรัฐฯ-จีนเจรจายืดเยื้อ ... การขึ้นภาษีเป็น 25% ป่วนการค้าไทยอีกครั้ง

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทั่วโลกต่างจับตาการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ได้ผ่านเส้นตายแรกมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2562 ตามมาด้วยการผ่อนผันการขึ้นภาษีและการเจรจามาอีกหลายครั้ง จนกระทั่งการเจรจาครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่เปิดเผยออกมาเบื้องต้นก็มีสัญญาณที่ไม่ดีนัก โดยทางการสหรัฐฯ เตรียมแผนการขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มดังกล่าวภายในวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมนี้ อีกทั้งยังจะปรับขึ้นภาษีสินค้าที่เหลืออีกมูลคค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะอันใกล้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งกดดันให้จีนต้องรับศึกหนักทางด้านเศรษฐกิจและทำให้การค้าโลกรวมถึงการค้าไทยยิ่งเปราะบาง ดังนี้

 

กรณีฐาน: “ทั้งสองฝ่ายพยายามหาข้อยุติสงคราม โดยเริ่มจากหยุดการขึ้นภาษีสินค้า” ซึ่งก็ยากจะเป็นไปได้ในขณะนี้ แต่ถ้าหากทั้งสองสามารถหาจุดร่วมของความตกลงระหว่างกันได้ก็เป็นไปได้ว่าจะมีการคงการเก็บภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ไว้ที่ร้อยละ 10 ทำให้บรรยากาศการค้าโลกผ่อนคลายลงบางส่วน ทำให้ผลกระทบที่มีต่อการส่งออกไทยปี 2562 เป็นมูลค่าเหลือไม่เกิน 1,600 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งภายใต้สมมติฐานดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกของไทยปี 2562 ขยายตัวที่ร้อยละ 3.2 (ณ เดือนเมษายน 2562)

 

กรณีที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด: “สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2562 เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นให้จีนเร่งเจรจาตามแนวทางที่สหรัฐฯ วางไว้” กรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นอย่างมาก นำมาซึ่งบรรยากาศทางการค้าโลกปั่นป่วนต่อเนื่องตลอดปี 2562 เพราะจีนก็คงมีมาตรการอื่นนำมาตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อรวมกับผลการเก็บภาษีที่มีมาตั้งแต่ปี 2561 ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีรอบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ การเก็บภาษีแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ เหล็กและอะลูมิเนียม ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตไทยที่เชื่อมโยงกับจีน การหลั่งไหลของสินค้าจีนที่ทะลักมาแย่งตลาดอาเซียนและผลทางอ้อมจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า รวมแล้วกระทบการส่งออกไทยปี 2562 เป็นมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์ฯ หรือจะมีผลกระทบเพิ่มเติมต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีอีกร้อยละ (-)0.2  ของมูลค่าการส่งออกรวมจากกรณีฐาน

สหรัฐฯ-จีนเจรจายืดเยื้อ ... การขึ้นภาษีเป็น 25% ป่วนการค้าไทยอีกครั้ง

กรณีเลวร้าย: “สหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีสินค้ากลุ่มที่เหลือของจีนอีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์ฯ ต่อเนื่องจากการขึ้นภาษีสินค้ากลุ่ม 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะไม่ส่งผลดีต่อทั้งการบริโภคในประเทศของสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าเสื้อผ้า รองเท้า สมาร์ทโฟน สมาร์ทวอท์ช อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ้ค ของเล่น และคาร์ซีท (Car Seat) ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้มีห่วงโซ่การผลิตเชื่อมโยงกับสินค้าขั้นกลางของไทยหลายรายการไม่ว่าจะเป็น HDDS ICS แผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ไม้ และเม็ดพลาสติกที่จีนนำเข้าจากไทยไปแปรรูปเป็นสินค้าขั้นปลายน้ำ รวมทั้งยังมีผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเข้ามาซ้ำเติมอีก อย่างไรก็ดี การเก็บภาษีในกรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้หากสหรัฐฯ เร่งรัดกดดันจีนในประเด็นด้านการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายในของจีนที่ยากจะเป็นไปได้ อันเป็นชนวนทำให้สหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีกลุ่มสุดท้ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 เป็นต้นไป รวมแล้วส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยปี 2562 คิดเป็นมูลค่า 3,100  ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือจะมีผลกระทบเพิ่มเติมต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีอีกร้อยละ (-)0.6  ของมูลค่าการส่งออกรวมจากกรณีฐาน ซึ่งผลกระทบดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นในปีถัดไปโดยเฉพาะผลจากความอ่อนแรงของเศรษฐกิจโลกที่น่าจะปรากฏอย่างเด่นชัด

 

โดยสรุป ภาพข้างต้นสะท้อนว่าเศรษฐกิจและการค้าโลกคงกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ซึ่งทั้งสหรัฐฯ และจีนยังคงมีความพยายามหาทางยุติสงครามการค้าครั้งนี้แม้จะกินเวลายืดเยื้อมานาน โดยการเจรจาครั้งต่อไปทั้งสองฝ่ายยังส่งตัวแทนเข้าร่วมในสัปดาห์นี้ ซึ่งก็เป็นสัญญาณว่าเหตุการณ์ข้างหน้าคงไม่เลวร้ายมากนัก โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า  วันที่ 10 พฤษภาคมนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ จะประกาศเก็บภาษีเป็นร้อยละ 25 กับสินค้าจีนในรอบ 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ที่น่าจะมีผลทางภาษีในช่วงครึ่งหลังของปี จากนั้นน่าเข้าสู่เส้นทางการเจรจาเพื่อยุติสงครามทางภาษีครั้งนี้ได้ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยรวมแล้วตีกลับมาเป็นผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปี 2562 เป็นมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงที่จะมีความรุนแรงขึ้นเป็นกรณีเลวร้ายได้หากสหรัฐฯ เร่งรัดกดดันให้จีนทำตามข้อเรียกร้องในการแก้ปัญหาระดับโครงสร้างเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลานาน อาจนำมาสู่ความเสี่ยงในการประกาศใช้แผนการเก็บภาษีสินค้าจีนแบบไม่คาดฝันในกลุ่มสินค้าที่เหลืออีก 3.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 เป็นต้นไป ซ้ำเติมการขึ้นภาษีเป็นร้อยละ 25 กับสินค้าจีน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  รวมกับผลกระทบจากมาตรการอื่นๆ ก่อนหน้า โดยรวมแล้วส่งผลต่อการส่งออกของไทยปี 2562 คิดเป็นมูลค่า 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ผลพวงที่ตามมาคือสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าของโลกจะยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2563

สหรัฐฯ-จีนเจรจายืดเยื้อ ... การขึ้นภาษีเป็น 25% ป่วนการค้าไทยอีกครั้ง