'สี จิ้นผิง' ยก Game of Thrones อย่าทำให้โลกเข้าสู่สงครามอันวุ่นวาย กลายเป็นสงคราม 7 อาณาจักรแห่งเวสเทอรอส

07 พ.ค. 2562 | 11:13 น.

คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3468 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 9-11 พ.ค.2562 โดย...บากบั่น บุญเลิศ

 

'สี จิ้นผิง' ยก Game of Thrones

อย่าทำให้โลกเข้าสู่สงครามอันวุ่นวาย

กลายเป็นสงคราม 7 อาณาจักรแห่งเวสเทอรอส

 

 

           ขณะที่ชีพจรของประเทศไทยใจจดใจจ่อกับ“พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวงรัชกาลที่ 10” ที่ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร อลังการกับขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยให้โลกได้รับรู้ถึงความดีงามและศรัทธาของชนชาติไทยต่อสถาบันกษัตริย์ ที่ได้สร้างคุณงามความดีในการพัฒนาประเทศให้เจริญเติบโตไม่แพ้ประเทศใดในโลก

          ชีพจรของโลกก็เดินหน้าไปอย่างคึกคัก...และร้อนแรง ชนิดที่คนไทยควรต้องตื่นออกมาดู...

          หัวใจของโลกสูบฉีดแรงจาก 2 เรื่องที่ร้อยเรียงเชื่อมต่อกันอย่างแยกไม่ออก

          เรื่องแรกคือ วาทะอันลือลั่นของ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดี สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่พูดในการประชุมผู้นำด้านการเมืองและเศรษฐกิจ 37 ประเทศ ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน 2562

          วาทะโลกตะลึงนั้น สำนักข่าว เซาธ์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ สื่อจากฮ่องกง รายงานข่าวออกมาว่า ในการประชุมผู้นำที่กรุงปักกิ่ง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้กล่าวต่อที่ร่วมประชุมตอนหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ ว่า “พวกเราต้องทำให้โลกที่พวกเราอาศัยอยู่นี้ ไม่ยํ่าแย่ จนเข้าสู่ภาวะโกลาหล และไม่ได้นำโลกเข้าสู่สงครามความวุ่นวายเหมือน 7 อาณาจักรแห่งเวสเทอรอส”

          เรียกได้ว่า...เป็นวาทะแห่งวลีที่ส่งสัญญาณออกมาแล้ว อื้ออึงกันในโลกของการทูต การต่างประเทศ และผู้นำโลก

          สงคราม 7 อาณาจักรแห่งเวสเทอรอส ที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ยกมากล่าวอ้าง เป็นอาณาจักรที่ปรากฏอยู่ในซีรีส์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Game of Thrones

          เป็นหนังซีรีส์ฟอร์มยักษ์ของค่าย HBO ที่เดินทางมาถึงซีซันที่ 8 ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายก่อนปิดเรื่อง ฉายออกไปทั่วโลก

          คำกล่าวของสี จิ้นผิง จึงสร้างความประหลาดใจ และสร้างความฮือฮาให้กับผู้นำที่มาร่วมงานประชุมอย่างมาก เพราะสะท้อนได้ว่า ผู้นำของจีนก็ติดตามซีรีส์ดังเรื่องที่มีการต่อสู้ช่วงชิงความเป็นใหญ่ของผู้นำใน 7 อาณาจักร

          การยกเอาเรื่องราวการต่อสู้ของ 7 อาณาจักรแห่งเวสเทอรอสของผู้นำจีนมาพูดคุยต่อที่ประชุมผู้นำโลกให้คิดตรึกตรองรอบนี้ มิใช่เป็นครั้งแรก

          ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นเบอร์ 2 ของผู้นำประเทศ ก็เคยอ้างถึงซีรีส์ดัง Game of Thrones ในการประชุมความสัมพันธ์ของจีนกับยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ในงานประชุมที่ Dubrovnik ประเทศโครเอเชีย เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

          ต่อมามีคนไปถามประธานาธิบดีสี จิ้นผิงว่า ได้ชมซีรีส์เรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ เขาตอบว่า ประเทศจีนได้ฉายซีรีส์ Game of Thrones ด้วยเช่นกัน แต่เป็นเวอร์ชันย่อ เพราะด้วยภารกิจตารางงานที่แน่นขนัดทำให้ไม่มีโอกาสดูเวอร์ชันเต็มของซีรีส์ดังระดับโลกได้ ซึ่งเวอร์ชันที่ดูนั้นเรียกว่า “Diamond Version”

          Game of Thrones เป็นซีรีส์หนังแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับทวีปเวสเทอรอสและ 7 อาณาจักรที่มีผู้คุมอำนาจหลักๆ อยู่ 4 ตระกูลคือ ตระกูลบาราเธี่ยน ใช้สัญลักษณ์เป็นกวาง ตระกูลแลนนิสเตอร์ ใช้สัญลักษณ์เป็นสิงโต ตระกูลทาร์แกเรียน ใช้สัญลักษณ์เป็นมังกรและมีความสามารถในการควบคุมมังกร

          ตระกูลสตาร์ค ใช้สัญลักษณ์เป็นหมาป่าและมีหมาป่าไดร์วูฟเป็นสัตว์เลี้ยง

          บางตระกูลเป็นพันธมิตรกัน และบางตระกูลเป็นอริจ้องจะล้างบางกันมาอย่างยาวนาน

          ในดินแดนเวสเทอรอส แบ่งออกเป็น 7 อาณาจักรและผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็ตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์

          1. แดนเหนือ ดินแดนแห่งฤดูหนาว มีพวก Stark ปกครอง

          2. แดนตะวันตก ดินแดนแห่งทองคำและความมั่งคั่ง ปกครองโดยพวก Lannister

          3. แดนตะวันออกเฉียงเหนือแคว้นหุบเขา ปกครองโดย Arryn (พวกแอนดัล)

          4. ดินแดนตะวันออกเฉียงใต้แห่งแคว้นทะเลทรายดอร์น ปกครองโดยพวก Martell

          5. แดนตะวันตกแคว้นแห่งความอุดมสมบูรณ์ ปกครองโดยพวก Gardener

          6. ดินแดนทางภาคกลางตอนบนแห่งลุ่มแม่นํ้าและหมู่เกาะ (Riverlands) ปกครองโดยตระกูล Hoare มีกษัตริย์คือ Harren Hoare หรือ Black Harren ผู้กระหายสงคราม

          7. ดินแดนตะวันออกแห่งทุ่งหญ้าและพายุ (Stormlands) ปกครองโดยตระกูล Durrandon มีกษัตริย์คือ Argilac Durrandon ผู้ยโส

          ตามบันทึกของ Aegon นั้นมีความคิดที่จะรวม 7 อาณาจักรเป็นแผ่นดินเดียว เขาได้มีโอกาสข้ามทะเลเพื่อสำรวจ 7 อาณาจักรอยู่หลายต่อหลายครั้ง การสำรวจอาณาจักรทั้ง 7 เพื่อประเมินกำลังและทรัพยากรของแต่ละอาณาจักร เขาได้จัดทำโต๊ะยุทธศาสตร์ ณ Dragonstone เพื่อเตรียมพร้อมรบสำหรับศึกใหญ่ที่จะเกิดขึ้น

          Game of Thrones นำเสนอในคอนเซ็ปต์ว่า “เมื่อมีความขัดแย้งจนกลายเป็นสงครามแห่งความวุ่นวายนั้น โลกความจริงมันโหดร้าย ตัวละครทุกตัวตายได้หมด และการตายแต่ละครั้งจะมาโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว”

          ดังนั้นการที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ยกเอาวลี “เราต้องร่วมมือและช่วยเหลือกันเพื่อไม่ให้โลกของเราต้องเจอความวุ่นวายเหมือนกับที่เกิดขึ้นภายใน 7 อาณาจักรเวสเทอรอส” จึงเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้นำโลกที่น่าสนใจว่า ความขัดแย้งของโลกที่เกิดขึ้น รังแต่จะนำพาซึ่งความเสียหาย และนำพามาซึ่งการสูญเสีย “เราจึงต้องทำให้โลกที่พวกเราอาศัยอยู่ไม่ยํ่าแย่ จนเข้าสู่ภาวะโกลาหล และไม่นำโลกเข้าสู่สงครามความวุ่นวาย”

          ผู้นำในอาณาจักรไหนบ้างละที่อาจทำให้เกิดความวุ่นวาย “สหรัฐอเมริกา-สหภาพยุโรป (เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ) รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง หรือ เกาหลีเหนือ”

          พ้นจากวลีเด็ด Game of Thrones โลกทั้งใบจับตาไปที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ที่เจรจามาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ทรัมป์ ประกาศนโยบาย “อเมริกัน เฟิร์ส” ก็คุกรุ่นขึ้นมา ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในส่วนที่เก็บภาษี 10% ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นมาเป็น 25% ในวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2562 ซึ่งนั่นจะทำให้การเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

          แม้ทรัมป์แจงว่า มาตรการนี้จะไม่ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น เพราะภาษีที่จ่ายให้สหรัฐฯ มีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าน้อย และส่วนใหญ่จีนแบกภาระ อย่างไรก็ดี โฆษกสภาผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีก สหรัฐฯกล่าวว่า การขึ้นภาษีหมายถึงการขึ้นภาษีต่อครอบครัวอเมริกัน และเป็นการเชื้อเชิญให้มีการตอบโต้เพิ่มต่อเกษตรกรอเมริกัน

          ผลของคำขู่ทางนโยบายนี้พ่นพิษทันที ตลาดการเงินทั่วโลกควงหางทิ้งดิ่ง ตราสารหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงมากกว่า 2% ตลาดหุ้นเอเชียดิ่งลงทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงมากกว่า 5%

          การเปิดศึกการค้าบนฐานการเจรจาแบบนี้เป็นเรื่องที่ทั้งโลกต่างได้รับผลกระทบและจับจ้องมอง แม้แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ยังออกมากล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งโลก

          “ถ้าเกิดสงครามการค้าขึ้นมาจริงๆ ก็จะเป็นสิ่งที่แย่สำหรับทั้งโลก และอาจจะแย่มาก โดยขึ้นอยู่กับขอบเขตการทำสงคราม” บัฟเฟตต์ กล่าว

          แม้ บัฟเฟตต์ปฏิเสธที่จะคาดการณ์ผลการเจรจาการค้า ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำตามคำขู่ขึ้นภาษีต่อสินค้าจีนหรือไม่ แต่การทิ้งท้ายให้ขบคิดด้วยคำพูดว่า “สำหรับคนบางคน เทคนิคที่ดีที่สุดคือการแกล้งบ้า”นั้น สะท้านปฐพีจริง ครับ...

          ท่านละคิดอย่างไร!!