MQDC  ฉีกกรอบอสังหาฯ แบรนด์เอื้อสังคม

ท่ามกลางตลาดคอนโดมิเนียมแข่งขันรุนแรง ผู้พัฒนาฯต่างผลักดันโครงการที่อยู่อาศัยแนวใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด ทั้งการออกแบบฟังก์ชันใช้งานไม่เหมือนใคร, เสริมนวัตกรรมเพิ่มความสะดวกสบายผู้อยู่ แม้กระทั่งจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางเทียบชั้นโรงแรมหรู และเพิ่มความหลากหลายให้โครงการมิกซ์ยูส แต่หลักยังคงเอื้อแค่ผู้อยู่อาศัยเท่านั้น... “การพัฒนาคอนโดฯ ต้องไม่ใช่เพื่ออยู่อาศัยอย่างเดียว แต่หมายถึงแบ่งปันพื้นที่เพื่อยกระดับชีวิตลูกบ้านและคนโดยรอบด้วย” คือคำกล่าวของนายอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ แบรนด์วิสซ์ดอม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ฯ (MQDC) ที่ต้องการฉีกการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบเดิมๆ ไปสู่สังคมมากขึ้น หลังผุด “ วิสซ์ดอม คลับ” ศูนย์เรียนรู้ของคนรุ่นใหม่แห่งแรกและเตรียมขยายต่อ เพื่อหวังเป็นหนึ่งแนวทางสร้างความชัดเจนของแบรนด์ มุ่งจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม

อัษฎา แก้วเขียว

ปั้นภาพจำแบรนด์

ปัจจุบันวิสซ์ดอมมีสมาชิกลูกบ้าน 4-5 พันคน อายุเฉลี่ย 20-39 ปี ซึ่งมีความชัดเจนของแบรนด์ในระดับหนึ่ง ว่าเป็นที่สนใจของ “คนรุ่นใหม่” แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันมีวิธีคิด และการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก รับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น การพัฒนาคอนโดฯแบบเดิมๆอาจไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต แม้แต่มิกซ์ยูสก็ควรเป็นมิกซ์ยูสกึ่งคอมเมอร์เชียลด้วย ซึ่งขณะนี้ เรากำลังสร้างภาพจำใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้า ภายใต้แนวคิดหลักของแบรนด์ “Urban Lifestyle For New Gen” โดยจะมี วิสซ์ดอม คลับ เป็นตัวเบิกทาง

“วันนี้เราเปลี่ยนมิติการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบเดิมๆ จุดประกายให้ค่ายอื่นๆ เพราะวิสซ์ดอมในสายตาผู้บริโภคจะถูกคิดถึง ทั้งเรื่องดูแลการอยู่อาศัยของลูกค้า และแบรนด์ที่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ทุกๆ โปรเจ็กต์หลังจากนี้ ต้องมีสิ่งที่ตอบกลับไปสู่สังคมโดยรอบด้วย”

วิสซ์ดอม คลับ 101

วิสซ์ดอม คลับ หรือ พื้นที่เรียนรู้-สร้างสรรค์แห่งใหม่ โครงการแรกถูกพัฒนาขึ้นด้วยงบลงทุน 40 ล้านบาท ภายในโครงการ 101 True Digital Park ปุณณวิถี Third Place แห่งแรกของไทยและของบริษัท หลังจากทำเลดังกล่าว เป็นทำเลหลักของคอนโดฯ เราถึง 6 โครงการ ประชากรเป้าหมายในชุมชนนับ 4 หมื่นราย ที่ล้วนต้องการพัฒนาทักษะของตนเองแต่ไร้พื้นที่รองรับ โดยวิสซ์ดอมคลับ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 900 ตารางเมตร แบ่ง 4 ส่วนหลัก สำหรับนั่งอ่านหนังสือ, ห้องประชุมคอร์สอบรม พื้นที่รองรับกิจกรรมทดลอง และจัดนิทรรศการ เพื่อตอโจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกบ้าน คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษาและคนทั่วไป โดยในระยะสั้นไม่มีค่าใช้จ่าย

เล็งขยายโมเดล

โดยนายอัษฎา กล่าวว่า โมเดลของ “วิสซ์ดอม คลับ” หรือ พื้นที่สนับสนุนทักษะคนรุ่นใหม่นั้น จะถูกหยิบยกไปแฝงอยู่ในทุกๆ โครงการที่อยู่อาศัยของวิสซ์ดอม เร็วสุดภายในปีหน้าอีก 1 โปรเจ็กต์ เช่น ในทำเลลาดพร้าว , ท่าพระ เป็นต้น ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันออกไป ทั้งในรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งจะยึดจากความต้องการของผู้อยู่อาศัย และชุมชนโดยรอบเป็นหลัก โดยคงเป้าหมายสูงสุดเพื่อรองรับลูกบ้านและสนับสนุนกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ยกระดับทักษะความสามารถและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านพื้นที่ทำให้ความคิดเปิดได้กว้างขึ้น และมีเครือข่ายสังคมเกื้อหนุนกัน นอกจากนี้ยังมีแผนขยายไปยังต่างประเทศอีกด้วย

แผนธุรกิจ

ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์วิสซ์ดอม ใน 2 ทำเลหลัก คือ วิสซ์ดอม อโศก ซึ่งจะเป็นโครงการแฟล็กซิพสำคัญของบริษัท รูปแบบมิกซ์ยูส ผสมที่อยู่อาศัยจำนวน 500 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 3 แสนบาทต่อตารางเมตร และอีกส่วนสำหรับรีเทลอีกกว่า 1 พันตารางเมตร ขณะนี้คอนโดฯมียอดขายแล้วประมาณ 20% นอกจากนี้ อีก 1 โครงการ จำนวน 3 อาคาร รวมทั้งสิ้น 1,000 ยูนิต จะเกิดขึ้นภายในโปรเจ็กต์ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ถนนบางนา-ตราด ราคากลุ่มไม่เกิน 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร ซึ่งแต่ละอาคารจะมีแนวคิดและการจับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน เช่น สำหรับผู้รักสัตว์ เป็นต้น 

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,468 วันที่ 9-11 พฤษภาคม 2562