กรมการข้าวเร่งแก้ปัญหา ปลอมปนเมล็ดพันธุ์ข้าว

07 พ.ค. 2562 | 05:21 น.

 “กฤษฎา”สั่งเร่งแก้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ข้าวถูกปลอมปน โดยเฉพาะข้าวหอมพวงหรือจัสมินที่ชาวนานิยมปลูก หวั่นต้านทานโรคไม่ดี ขายไม่ได้ราคาตามพ่อค้าพันธุ์กล่าวอ้าง ด้านกรมการข้าวเร่งขยายเมล็ดพันธุ์กข 79 ข้าวพื้นนุ่มซึ่งตลาดโลกต้องการ เริ่มปลูกทดลองตลาดปีการผลิต 2562

นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ได้รับรายงานกรมการข้าวและกรมส่งเสริมการเกษตรถึงข้อร้องเรียนของนายสุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยว่าเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสั่งชาวนาห้ามปลูกข้าวหอมพวง ทั้งที่โรงสีรับประกันให้ราคาดีเนื่องจากเป็นข้าวพื้นนุ่ม ซึ่งต่างประเทศต้องการ ทั้งนี้นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าวชี้แจงว่า กรมการข้าวเตือนไปยังเกษตรกรหลายครั้งแล้วว่า ที่มาของเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมพวงที่ขายกันอยู่นั้น ส่งไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว ไม่ตรงกับข้าวหอมพวงของไทยและไม่ใช่ข้าวพันธุ์จัสมิน 85  ของเวียดนาม

กรมการข้าวเร่งแก้ปัญหา ปลอมปนเมล็ดพันธุ์ข้าว

                      นายกฤษฎา  บุญราช

ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบที่มาของเมล็ดพันธุ์ข้าวเนื่องจากพบการปลอมปนสูง เมื่อนำไปปลูกจะส่งผลต่อคุณภาพผลผลิตข้าว อาจไม่ได้ราคาดีตามที่โรงสีรับประกันไว้ อีกทั้งกรมการข้าวยังได้นำมาทดลองปลูกเพื่อตรวจสอบทั้งการต้านทานโรค ปริมาณและคุณภาพผลผลิต ที่ผ่านมากรมการข้าวร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ผ่านเกษตรจังหวัดและเกษตรอำเภอให้คำแนะนำแก่เกษตรกรถึงความเสี่ยงที่จะปลูกข้าวพันธุ์นี้ แต่ไม่ได้ห้ามปลูก แต่กรณีที่มีการปลอมปนเมล็ดพันธุ์นั้น กรมการข้าวมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งผู้ค้าเมล็ดพันธุ์ได้หลีกเลี่ยงโดยการนำไปบรรจุในถุงขาว แล้วระบุว่า เป็น “ข้าวนก-ข้าวไก่” จึงไม่สามารถจับฐานปลอมปนเมล็ดพันธุ์ข้าวหรือจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวปลอมปนได้

นายกฤษฏา กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานด้านส่งเสริมการผลิตขยายเมล็ดพันธุ์พืชที่ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งล่าสุดกรมการข้าวพัฒนาข้าวสายพันธุ์ใหม่หลากพันธุ์ อย่างต่อเนื่องโดยพันธุ์ที่รับรองแล้วให้เลือกเพาะปลูก เช่น ปทุมธานี 1, กข 43 กข 77 เป็นต้น สำหรับพันธุ์กข 77 ยังต้านทานโรคไหม้และโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ไม่ดีพอ จึงพัฒนาข้าวพื้นนุ่ม ไม่ไวแสง อายุการเก็บเกี่ยว 118 วัน ต้านทานโรคแมลงได้แก่ พันธุ์ กข 79 มีผลผลิต 800 กก.ต่อไร่  ถึง 1.2 ตันต่อไร่ ซึ่งล่าสุดได้สั่งการอธิบดีกรมการข้าวให้ปรับแผนจากเดิมที่จะเวลา 1 ปี ที่จะขยายจำนวนเมล็ดพันธุ์ เพื่อส่งสริมปลูกในปี 2563  เป็นให้มีการปลูกจริงในปีการผลิตปี 62 โดยให้เริ่มนำร่องปลูก 9,000 ไร่ในช่วงนาปี ส่วนฤดูนาปรัง 62/63 ปลูก 10,000 ไร่เพื่อทดลองตลาด หากตลาดตอบรับข้าวชนิดนี้ดีก็พร้อมขยายปริมาณเมล็ดพันธุ์ และส่งเสริมให้มีการปลูกเพิ่มขึ้นเพื่อให้ทันต่อความต้องการ ข้าวพื้นนุ่มคุณภาพของทุกภาคส่วน

กรมการข้าวเร่งแก้ปัญหา ปลอมปนเมล็ดพันธุ์ข้าว

 

กรมการข้าวเร่งแก้ปัญหา ปลอมปนเมล็ดพันธุ์ข้าว

นายสำราญ สารรบรรณ์อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนของชาวนาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและนายกสมาคมข้าวและชาวนาไทยว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาห้ามเกษตรกรปลูกข้าวหอมพวงที่ซื้อพันธุ์มาพบว่า ในพื้นที่ตำบลมารวิชัย อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในช่วงเดือนธันวาคม 2561 มีเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดในพื้นที่นา จำนวน 15 ไร่ เกษตรกร 1 ราย ทั้งนี้ เกษตรอำเภอเสนา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยข้าวพระนครศรีอยุธยาตรวจสอบพื้นที่ที่มีการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และได้ตรวจสอบพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรใช้เพาะปลูก ปรากฎว่าเกษตรกรใช้พันธุ์ข้าวจัสมิน 85 ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่กรมการข้าวไม่รับรองพันธุ์ ในการนี้ เกษตรอำเภอเสนา และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าวฯ ได้ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในพื้นที่ไม่ส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกข้าวพันธุ์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นพันธุ์ข้าวที่อ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

“ไม่ได้ห้ามให้เกษตรกรเพาะปลูก แต่ได้ให้ความรู้ ทำความเข้าใจ ชี้แจงให้แก่เกษตรกรทราบว่า พันธุ์ข้าวจัสมิน 85 นี้ อ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและโรคไหม้ กรณีเกษตรกรมีการเพาะปลูกข้าวดังกล่าวจะเสี่ยงต่อการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและโรคไหม้ จะทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหายได้ แล้วได้ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พันธุ์ข้าวของกรมการข้าวรับรองและเป็นพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ ข้าวพื้นนุ่มได้แก่ เช่น กข 77 ก ข79  นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ข้าว กข 31 กข 39 กข43 กข59”

กรมการข้าวเร่งแก้ปัญหา ปลอมปนเมล็ดพันธุ์ข้าว

ขณะที่ได้รับข้อมูลจากผู้นำเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเสนาและบางซ้าย แจ้งว่า มีท่าข้าวในเขตอำเภอบางซ้าย ไม่ระบุชื่อ จะรับซื้อผลผลิตข้าวพันธุ์จัสมิน 85 โดยจะให้ราคาสูงกว่าผลผลิตข้าวพันธุ์ต่างๆ ตันละ 800-1,000 บาท แต่หากผลผลิตเสียหายเกรงจะขายไม่ได้ตามราคาที่กล่าวไว้ ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดพรนะครศรีอยุธยา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดเข้าไปประชุมชี้แจงทำความเข้าใจให้แก่สมาชิกเกษตรกรกลุ่มดังกล่าว ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้  สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ส่งเสริมแปลงใหญ่ข้าว จนปัจจุบัน มีแปลงใหญ่ข้าวจำนวน 28 แปลง รวม 16 อำเภอ มีพื้นที่ทั้งหมด 38,418.75 ไร่ สมาชิกรวม 1,448 ราย การขับเคลื่อนส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ได้มีเป้าหมายในการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นประเด็นการลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มปริมาณผลผลิต การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานผลผลิต การจัดการด้านการตลาด โดยใช้แนวทางตลาดนำการผลิต และมีการวางแผนการผลิตและการจัดการผลผลิตร่วมกันในรูปแบบกลุ่ม  ซึ่งจังหวัดฯ ได้มีนโยบายส่งเสริมให้มีการผลิตข้าวที่มีคุณภาพเพื่อบริโภค มีการส่งเสริมการแปรรูปเบื้องต้น โดยสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้แปรรูป ได้แก่ โรงสีข้าว ถุงบรรจุข้าวสาร ซึ่งขณะนี้ได้มีการสนับสนุนถุงบรรจุข้าวสาร (ถุงข้าวอโยธยา) ให้แก่กลุ่มเกษตรกร (กลุ่มแปลงใหญ่/กลุ่มวิสาหกิจชุมชน/กลุ่มส่งเสริมอาชีพ) ไปแล้วจำนวน 30 กลุ่ม รวม 55,170 ใบ” นายสำราญกล่าว