บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3467 หน้า 2 ระหว่างวันที่ 5-8 พ.ค.2562
พระเกียรติยศเกริกก้อง
พระราชาพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 ขึ้นเป็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างสมบูรณ์แบบตามโบราณราชประเพณี ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 นับเป็นประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย ที่ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างภาคภูมิใจในความเป็นชาติ
“พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ของพระเจ้าแผ่นดินในราชอาณาจักรไทย นับได้ว่าเป็นความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ของประเทศ ที่มิอาจมีสิ่งใดเสมอเหมือน และบ่งบอกถึงอารยธรรม ประเพณีที่งดงามยากที่ประเทศหนึ่งประเทศใดจะเสมอเหมือน
ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติ และเป็นเครื่องหมายแสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ และความศักดิ์สิทธิ์แห่งทิพยภาวะของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนให้เป็นที่ปรากฏแก่สายตาโลก
นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของราชอาณาจักร และพระราชอำนาจอันชอบธรรมของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งคนไทยทุกผู้ทุกนาม ควรร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ชาติไทยให้กึกก้องสมพระเกียรติ
สถาบันกษัตริย์ทรงพระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่อชาติไทย ตั้งแต่อดีตสืบเนื่องถึงปัจจุบันในหลายด้าน ทั้งการปกป้องบ้านเมืองให้ผ่านพ้นโพยภัย ผ่านวิกฤติน้อยใหญ่นานาประการ ทั้งการเป็นผู้นำริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ บุกเบิก ทดลองปรับใช้กับสังคมไทย ทั้งการเป็นผู้นำขับเคลื่อนชาติไปยืนเรียงเคียงคู่ในระดับนานาอารยประเทศ ทั้งการสืบสานประเพณี สืบต่อและสร้างสรรค์วัฒนธรรมให้เป็นมรดกของไทย แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติไทยที่ไม่น้อยหน้าชาติใดในโลก
พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่อดีตมา นำพสกนิกรของพระองค์ก้าวผ่านความเดือดร้อนลำบาก มีความปลอดภัย สร้างความเจริญรุ่งเรือง ตั้งแต่ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่นำประเทศผ่านพ้นสงคราม 9 ทัพ การนำประเทศให้รอดพ้นจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกในรัชกาลต่อๆ มาและการพัฒนา การสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ๆในรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แจ้งกันดีโดยทั่วกันแล้ว
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระเจ้าแผ่นดิน จึงเป็นราชประเพณีของคนไทยทุกคน ที่ควรร่วมกันให้ความเคารพและร่วมเฉลิมฉลอง มิใช่จำกัดอยู่เพียงราชสำนัก เพราะนี่คือโอกาสที่ดีของประเทศไทย
ทรงพระเจริญ