หลอมดวงใจถวายพระพร "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก"

03 พ.ค. 2562 | 11:52 น.

บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3466 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ค.2562

 

หลอมดวงใจถวายพระพร

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

 

          วันที่ 3-6 พฤษภาคม 2562 นี้ประเทศไทยเข้าสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10  โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 เมษายนได้มีพิธีพลีกรรมตักนํ้าจากแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์ จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 76 จังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นประธาน ต่อมาวันที่ 8 เมษายน ประธานสงฆ์ประกาศชุมนุมเทวดาในการพิธีทำนํ้าอภิเษกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 76 จังหวัด และจุดเทียนชัย เจริพระพุทธมนต์

          วันที่ 3 พฤษภาคม เริ่มการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เชิญพระสุพรรณบัฏดวงพระราชสมภพและพระราชลัญจกรไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงไปนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร นมัสการพระรัตนตรัย ถวายบังคมพระบรมอัฐิและจุดเทียนชัย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

          วันที่ 4 พฤษภาคม พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสรงพระมุรธาภิเษก ทรงรับนํ้าอภิเษก เสด็จออกมหาสมาคมรับถวายพระพรชัยมงคล ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก

          วันที่ 5 พฤษภาคม พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค

          วันที่ 6 พฤษภาคม เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทให้คณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศเข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล

          เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่อยู่กับหมายกำหนดการ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ เป็นช่วงเวลาสำคัญของประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า ทุกศาสนา ที่จะแสดงความสามัคคี ร้อยรัดดวงใจเป็นหนึ่งเดียว ในการร่วมถวายพระพรชัยมงคลในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ให้ยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร

          ในโอกาสที่เป็นมงคลอย่างยิ่งแก่ชาติบ้านเมือง ที่คนไทยจะได้มีส่วนร่วมกันถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อสืบต่อมาตามโบราณราชประเพณี ซึ่งจะได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก

          ประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีรากฐานประเพณีวัฒนธรรมและราชประเพณีที่ยิ่งใหญ่ ควรที่คนไทยทุกคนจักต้องสำแดงพลังในการรักษาสิ่งที่ดีงามเอาไว้ในแผ่นดิน