‘ไบโอฮับ’จ่อลงทุน6.25หมื่นล. อีเอ-อิมเพรสเทคโนโลยี ยื่นขอตั้งเป็นเขตส่งเสริม
อุตฯ ดันไบโอฮับ เร่งออกมาตรการส่งเสริม ปลดล็อกให้ตั้งโรงงานหีบอ้อยได้ทั่วประเทศใช้เป็นวัตถุดิบด้านพลังงานบริสุทธิ์และอิมเพรส เทคโนโลยี เดินหน้าตั้งคอมเพล็กซ์ในฉะเชิงเทรา ยื่นขอเป็นเขตส่งเสริมพิเศษภายในอีอีซี
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้มาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของไทย ปี 2561-2570 วันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการผลักดันโครงการลงทุนจัดตั้ง Bio Hub ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ที่ขณะนี้มีเอกชนจำนวน 2 ราย ได้ให้ความสนใจลงทุนในจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่
โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบลูโอลิโอเทค ซิตี้ ขนาด 998 ไร่ มูลค่าการลงทุน 12,500 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกงของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรืออีเอ มีแผนการลงทุนผลิตอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ที่เป็นอุตสาหกรรมนวัตกรรมใหม่ ได้แก่ นอร์มอลพาราฟิน (Normal Paraffin) สารเปลี่ยนสถานะ (Phase Change Material: PCM) ไฮโดรเจน(H2 Generation) ปรับปรุงคุณภาพนํ้ามันปาล์มดิบ (CPO Preparation) ไบโอดีเซลและกลีเซอรีน (B100+Glycerin) สารโพรเพนไดออล (Propanediol Product) และไตร อะซิติน (Triacetin Product)
โครงการไบโอ ฮับ เอเชีย ขนาด 3,500 ไร่ มูลค่าการลงทุน 50,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม ของบริษัท อิมเพรส เทคโนโลยี จำกัด มีแผนการลงทุนผลิต Bio Energy, Bio Refinery, Pharmaceutical & Cosmetics, Food & Feed for future, Social Enterprise and Tourism, R&D Innovation Center รวมถึงการพัฒนาระบบ BioMatlink ในการรวบรวมมันสำปะหลังจากเกษตรกร ผ่านศูนย์รวบรวมรับซื้อ และกระจายสินค้า
สำหรับทั้ง 2 โครงการนี้ ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา จะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์มาตรการฯ และประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) เพื่อร่วมผลักดันการลงทุนให้เกิดขึ้น โดยขณะนี้ภาคเอกชนได้มีการจัดทำรายละเอียดของโครงการ และยื่นเรื่องไปยังสกพอ.เพื่อพิจารณาจัดตั้งเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรอนำเรื่องเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่ออนุมัติต่อไป
นายสมชาย กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการขจัดอุปสรรคการลงทุนและสร้างปัจจัยสนับสนุนนั้น กระทรวงกำลังเร่งปรับปรุงประกาศ เรื่องการให้ตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบในทุกท้องที่ได้ ปรับปรุง พ.ร.บ. อ้อยและนํ้าตาลทรายให้สามารถนำนํ้าอ้อยไปผลิตสินค้าชนิดอื่นได้ และเพิ่มประเภทกิจการอุตสาหกรรมชีวภาพ ให้สามารถตั้งโรงงานได้
จากการแก้ปัญหาดังกล่าวจะส่งผลให้ โครงการร่วมทุนระหว่างบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS และบริษัท โกลบอล กรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ที่จะลงทุนในโครงการ Biorefinery Complex เงินลงทุน 4.1หมื่นล้านบาทในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ช่วงระยะเวลา 8 ปี เกิดได้เร็วขึ้น
หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3466 ระหว่างวันที่ 2 - 4 พฤษภาคม 2562
