"บิ๊กตู่"ปรามอย่าตื่นมาตรการแจกเงิน1,500บาทเที่ยวเมืองรองยังไม่มีข้อยุติ

24 เม.ย. 2562 | 09:12 น.
 
นายกรัฐมนตรีเผย มาตรการแจกเงิน 1,500 บาทเที่ยวเมืองรอง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังไม่ได้ข้อยุติ อยู่ขั้นการศึกษา ขออย่าตื่นตระหนก
 
 
วันนี้ (24 เมษายน 2562) เวลา 13.20 น. ณ บริเวณห้องโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงกลางปี 2562 คนละ 1,500 บาทว่า หลายอย่างเป็นเรื่องที่รัฐบาลยังไม่ดำเนินการ เป็นเพียงข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอเท่านั้น ทำให้เกิดความสับสนไปหมด  ทั้งเรื่องการเมือง และค่าใช้จ่าย
 
 
นายกรัฐมนตรีกล่าว่า รัฐบาลก็คือรัฐบาล ต้องทำหน้าที่ต่อเนื่องไปจนกว่าจะมี ครม.ใหม่ขึ้นมา มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตน เมื่อมีการถวายสัตย์เราก็จะหมดหน้าที่ ระหว่างนี้ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ งานต่าง ๆ ไม่สามารถหยุดได้ ขอให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้ด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจ
 
 
กรณีข่าวว่ารัฐบาลจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาช่วงนี้นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังเป็นเพียงการศึกษาและปรึกษาหารือกันของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพียงแต่วันนี้ข่าวออกมาก่อน โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยวเมืองรอง สื่ออย่ามาถาม ยังไม่มีข้อสรุปอะไรออกมาเลย บางทีเป็นเรื่องแค่การหารือกันเพื่อหาข้อสรุปให้ได้ ยืนยันว่ายังไม่ได้ข้อยุติ เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวข้องไม่ใช่ให้เงินแล้วจบ ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องของภาษี คณะกรรมการกำลังพิจารณาอยู่ ขอร้องทุกคนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก
 
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับมาตรการทางเศรษฐกิจมีผล 2 อย่าง เพราะเศรษฐกิจของประเทศขึ้นอยู่กับการส่งออกมาด้วย ทุกคนก็ทราบดี ดังนั้น เมื่อโลกมีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ มีสงครามการค้าก็จะส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออก จึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มการใช้จ่ายในประเทศ ถ้าทุกคนไม่กล้าที่จะใช้เงิน ไปยุ่งแต่กับเรื่องการเมือง ทุกอย่างมันหยุดไปหมด แล้วรัฐบาลจะทำอะไรได้ วันนี้จึงอยากขอร้องประชาชนทุกคนที่มีขีดความสามารถในการใช้จ่ายเงินต้องช่วยกัน มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย คนไม่มีรัฐบาลก็จะดูแลให้สามารถดำรงชีพอยู่ต่อไปได้ ถือเป็นหลักการสำคัญ ถ้าเราไม่ช่วยกัน ทุกคนไม่ยอมเสียอะไรเลย อยากจะได้เพียงอย่างเดียวก็ไม่มีใครทำอะไรให้ได้
 
 
 
 
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องหามาตรการเพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายภายในประเทศให้ได้มากยิ่งขึ้น เงินเหล่านี้ก็จะลงไปในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต ทั้งเอสเอ็มอี โรงงานอุตสาหกรรม ที่เป็นภาคการผลิต แต่ถ้าคนซื้อไม่ยอมซื้อและไม่กล้าใช้จ่ายเงิน แล้วจะไปผลิตให้ใคร รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในไตรมาสแรกผ่านไปแล้ว 2 เดือน เหลืออีก 1 เดือน จากนั้นต้องมาดูในไตรมาส 2  เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะถ้ามีปัญหาผลกระทบจะตกไปอยู่ที่ประชาชน รัฐบาลจึงต้องหามาตรการที่เหมาะสม แต่ก็ต้องระมัดระวังในข้อกฎหมายทุกประการ โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณ
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลนี้ระมัดระวังอย่างเต็มที่ ทำงานทุกอย่างด้วยความรอบคอบ หลายอย่างหลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแก้แบบนี้ แต่เราจำเป็นต้องแก้ไขให้เป็นระบบเพื่อไม่ให้เป็นภาระรัฐบาลต่อ ๆ ไป เหมือนกับที่ปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นมาก่อนรัฐบาลนี้ แต่เราต้องมาแก้ปัญหา ทั้งปัญหาผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ปัญหาสิทธิประโยชน์ การร่วมลงทุนการค้า เพราะทุกอย่างรัฐบาลเป็นคู่สัญญาทั้งสิ้น เมื่อเกิดปัญหารัฐบาลต้องรับผิดชอบและแก้ปัญหาให้ได้ ทุกอย่างจึงต้องช่วยรัฐบาลในการแก้ปัญหา ไม่อย่างนั้นก็จะตีกันไปมา เรื่องก็จะไม่จบ แก้ปัญหาไม่ได้ ประชาชนก็ไม่เข้าใจ ก็ไปโพสต์ข้อความกันต่อ กลายเป็นปัญหาให้รัฐบาลทำงานได้ยากขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ก็บังคับ แต่ถ้าทุกคนร่วมมือกันก็จะไปได้ทั้งหมด อย่างลืมประเทศมีศักยภาพ เพียงแต่เราต้องรักกัน สามัคคีกันให้มากขึ้น ต้องเข้าใจระบบเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าทุกคนเรียกร้องอยากได้แต่ไม่ยอมให้ความร่วมมือก็ไม่สามารถที่จะเดินต่อไปได้ ไม่ว่าจะออกมาตรการอะไรออกมา
 
 
"วันนี้ก็ขอให้เข้าใจการทำงานรัฐบาลปัจจุบันด้วย ตนไม่อยากไปกล่าวอ้างถึงมาตรการต่างๆที่เคยออกมา แต่บางครั้งก็จำเป็นไม่เช่นนั้นก็จะถูกคนไม่รู้เรื่องออกมาโจมตีรัฐบาลในทุก ๆ เรื่อง ดังนั้นถ้าวันนี้จะเดินไปสู่การเดินหน้าตามรัฐธรรมนูญ การมีรัฐบาลด้วยความสงบสุขและสันติก็ขอให้ฟังผมบ้าง ต้องช่วยผมบ้าง ในการทำให้บ้านเมืองสงบสุข เรายิ่งทะเลาะ ยิ่งขัดแย้งกันมากเท่าไหร่ หรือเราย่ิงเฮดสปีชกันมากเท่าไหร่ก็จะออกไปสู่สายตาต่างประเทศทั้งหมด เศรษฐกิจจะดีขึ้นได้อย่างไร เพราะทุกอย่างมีผลกระทบทั้งสิ้น" นายกรัฐมนตรีกล่าว
"บิ๊กตู่"ปรามอย่าตื่นมาตรการแจกเงิน1,500บาทเที่ยวเมืองรองยังไม่มีข้อยุติ