พาณิชย์ ประชุมAEM ลงนามความตกลงการค้าบริการอาเซียน หวังช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดทำกฎระเบียบด้านบริการให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งขยายโอกาสทางการค้าบริการและการลงทุนของไทย ทั้งบริการด้านสุขภาพ การท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ได้ลงนามความตกลงการค้าบริการอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement: ATISA) เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 ในช่วงการประชุม AEM Retreat ครั้งที่ 25 ที่กระทรวงพาณิชย์ไทยเป็นเจ้าภาพ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยความตกลงดังกล่าว จะนำมาใช้แทนกรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียนฉบับปัจจุบัน (ASEAN Framework Agreement on Services: AFAS) ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2538 ความตกลง ATISA จะครอบคลุมหลักการในเรื่องที่จำเป็นต่อการค้าบริการ ไม่ว่าจะเป็น การปฏิบัติกับธุรกิจต่างชาติเท่าเทียมกับธุรกิจของชาติตน การเสริมสร้างการจัดทำกฎระเบียบภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเสริมสร้างความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยในอาเซียน
รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการระหว่างกัน ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ต้องการคงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องบางสาขาบริการ สามารถเขียนสงวนกฎระเบียบดังกล่าวได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศสมาชิกอื่นทราบเงื่อนไขการเข้าไปลงทุนประกอบธุรกิจในแต่ละประเทศ ซึ่งความตกลงฉบับนี้ให้เวลาประเทศสมาชิกถึง 5 ปี ในการพิจารณากฎระเบียบที่ต้องการสงวนไว้ หลังจากที่ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับแล้ว
“ความตกลง ATISA จะช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดทำกฎระเบียบด้านบริการของสมาชิกอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดอุปสรรคทางการค้าบริการที่เกินความจำเป็น รวมทั้งช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการใช้มาตรการทางการค้าบริการของประเทศสมาชิกอาเซียน เนื่องจากกำหนดให้ต้องเผยแพร่ระเบียบกฎเกณฑ์ด้านการลงทุนต่อสาธารณะ นำไปสู่การสร้างบรรยากาศทางการค้าบริการที่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีศักยภาพและสามารถเติบโตได้ในประเทศอาเซียน เช่น บริการด้านสุขภาพ บริการด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร บริการด้านก่อสร้าง บริการด้านการจัดประชุม และการจัดนิทรรศการ เป็นต้น เพื่อให้ภายในภูมิภาคเกิดการรวมตัวด้านบริการที่กว้างและลึกขึ้น ซึ่งจะสามารถบรรลุหนึ่งในเป้าหมายของ AEC Blueprint 2025”
ทั้งนี้ ความตกลง ATISA จะมีผลบังคับใช้ 180 วัน หลังการลงนาม โดยประเทศสมาชิกอาเซียนที่ดำเนินการภายในเสร็จแล้ว จะต้องแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
นอกจากนี้ได้ลงนามพิธีสารแก้ไขความตกลงการลงทุนอาเซียน (ACIA) ฉบับที่ 4 ในช่วงการประชุม AEM Retreat เพื่อปรับปรุงความตกลงฯ ให้สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนไทยที่จะลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียน โดยการปรับปรุงความตกลง ACIA จะกำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนต้องผูกพันไม่กำหนดเงื่อนไขที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของนักลงทุน เช่น การห้ามเชื่อมโยงการขายสินค้ากับปริมาณหรือมูลค่าส่งออก และการห้ามรัฐบาลกำหนดว่าสินค้าที่นักลงทุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนผลิตจะต้องถูกส่งไปยังตลาดใดตลาดหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ ความตกลงฯ ได้เปิดช่องทางให้สมาชิกอาเซียนยังคงใช้มาตรการหรือเงื่อนไขฯ ที่อาจไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดข้างต้นได้ โดยให้ระบุไว้ในรายการข้อสงวนของตนได้ และนักลงทุนจะไม่สามารถฟ้องรัฐบาลผู้รับการลงทุนได้ ทั้งนี้ การจัดทำพิธีสารดังกล่าวไม่มีผลให้ไทยต้องแก้ไขกฎหมาย
ทั้งนี้ ASEAN Investment Report ปี 2561 ระบุว่า ในปี 2560 การลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องมีมูลค่ากว่า 137 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันเอง ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุด มีมูลค่ากว่า 27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 19 % ของการลงทุนรวม โดยประเทศที่มีการลงทุนในอาเซียนสูงสุด ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ มีมูลค่ากว่า 110 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนต่างประเทศสำคัญในอาเซียน ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ประเทศจากสหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และอินเดีย ซึ่งให้ความสนใจขยายการลงทุนในอาเซียน เช่น สาขาการผลิต ก่อสร้าง เหมืองแร่ การเงิน การวิจัยและพัฒนา การค้าปลีกค้าส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น