อพท.กางแผน 5 ปีพัฒนาจ.ตราด บูมท่องเที่ยวชุมชนวิถีชีวิต

23 เม.ย. 2562 | 06:44 น.

           อพท. เปิดแผนพัฒนาพื้นที่จังหวัดตราดระยะ 5 ปี กระจายนักท่องเที่ยวสู่ชุมชนหนุนท่องเที่ยวเชิงประมง และเชิงนิเวศฯ ตามพื้นฐานทรัพยากรและวิถีชีวิตเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ยกระดับไม่ใช่แค่เมืองผ่าน แต่นักท่องเที่ยวต้องแวะ และเพิ่มวันพักค้างคืน

สุธารักษ์ สุนทรวิภาต

           นายสุธารักษ์ สุนทรวิภาต รองผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 3 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.  เปิดเผยว่า ได้จัดทำแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษจังหวัดตราด ระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2565 เพื่อเตรียมรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวและนักเดินทางซึ่งเป็นผลพวงจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี  และการเดินทางเชื่อมโยงของประเทศในกลุ่มอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในเส้นทางเชื่อมโยงทางฝั่งตะวันออก

          “ อพท. 3 มีภารกิจดูแลพัฒนาพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง  เราจึงเห็นความสำคัญที่จะเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนและผู้ประกอบการในการรองรับนักท่องเที่ยว และเพิ่มศักยภาพให้แก่ชุมชนให้มีรายได้เสริมจากการท่องเที่ยว ซึ่งแผนพัฒนา 5 ปี ฉบับนี้ จะเน้นพัฒนาพื้นที่บนฝั่งตามฐานทรัพยากรและความโดดเด่นของชุมชนนั้นๆ เป็นหลัก เพราะที่ผ่านมา อพท. พัฒนาพื้นที่เกาะ เช่น เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก ไประดับหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะเกาะหมากที่ตั้งเป้าหมายเป็นโลว์คาร์บอนเดสติเนชั่น”

     อพท.กางแผน 5 ปีพัฒนาจ.ตราด บูมท่องเที่ยวชุมชนวิถีชีวิต     

     สำหรับแผนพัฒนา 5 ปี อพท. จะเน้นการพัฒนา 3 ประเด็นประกอบด้วย 1. พัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามเกณฑ์การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนของประเทศไทย (CBT Thailand) โดยจะคัดเลือกชุมชนที่มีความโดดเด่นเป็นที่น่าสนใจ 2-3 ชุมชน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวรองในจังหวัดตราด 

        2.พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตามเกณฑ์สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Council :GSTC)  ซึ่งที่ผ่านมา ทางพื้นที่ได้พัฒนาเกาะหมาก ด้าน  Low Carbon จนประสบความสำเร็จ และในปีนี้มีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ภาคีเครือข่ายที่มีความรู้ด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งการปล่อยควันพิษ น้ำเสีย มาบูรณาการร่วมกัน โดยร่วมมือกับองค์การบริหารการจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จัดทำข้อมูลเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์  เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า ในพื้นที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์มากน้อยแค่ไหน พื้นที่มีการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมตามเกณฑ์ GSTC รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการโรงแรมให้มีการบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

          3.พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านจากจังหวัดตราดสู่ประเทศกัมพูชา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนสองประเทศ คือจังหวัดตราด ประเทศไทย- จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ชูจุดขายวิถีชีวิตประมงชายฝั่งและป่าชายเลน  สำหรับปีงบประมาณ 2562 จะขยายเส้นทางไปถึงสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ใช้เวลาเดินทางราว 4 ชั่วโมง  โดยร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย หรือ TEETA  ศึกษาและสำรวจแหแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ  เพื่อหาจุดขายที่เป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่น ประเมินและรับฟังความคิดเห็น พร้อมทั้งจะเร่งประชาสัมพันธ์ถึงความสะดวกในการข้ามแดน ซึ่งในอนาคตตั้งเป้าหมายจะขยายเส้นทางเชื่อมโยงเส้นนี้ไปถึงประเทศเวียดนามด้วย

         นายสุธารักษ์ กล่าวอีกว่า ปีงบประมาณ 2652  อพท. ได้เข้าไปพัฒนาการบริหารจัดการให้กับชุมชนท่าระแนะ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด  พร้อมร่วมกับชุมชนจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จุดเด่นชุมชนนี้คือมีผืนป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ขนาด 2,000 ไร่ เป็นป่าโกงกาง ป่าจาก และป่าตะบูน ซึ่งรากตะบูนที่อยู่เหนือผืนดินถือเป็นความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ การเข้าชมความงามต้องเดินทางโดยเรือ จึงคาดว่าจะเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศ 

อพท.กางแผน 5 ปีพัฒนาจ.ตราด บูมท่องเที่ยวชุมชนวิถีชีวิต

       “ท่าระแนะ เป็นชุมชนที่มีศักยภาพ และทำเรื่องการท่องเที่ยวอยู่แล้ว การที่ อพท. เข้าไปคือช่วยเสริมเรื่องการบริหารจัดการให้เท่านั้น เพื่อให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และจะนำชุมชนนี้เป็นต้นแบบให้ชุมชนอื่นด้วย” รองผู้จัดการ กล่าว

        อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวนี้ของ อพท. คือการยกระดับจังหวัดตราดไม่ให้เป็นแค่เมืองผ่าน แต่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่นักท่องเที่ยวต้องการมาพักค้างคืน  มีความหลากหลายทางการท่องเที่ยวที่มากกว่าทะเล แต่เป็นการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งการพัฒนาตามแผนงาน อพท. จะเพิ่มชุมชนและกิจกรรมทางการท่องเที่ยวให้ขยายวงกว้างออกไปยังชุมชนต่าง อันจะช่วยเพิ่มวันพักให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดนี้ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวต่อที่อื่นๆ