บีโอไอ พร้อมจัดงาน “ซับคอน ไทยแลนด์ 2019” คู่ขนานไปกับงาน งาน อินเตอร์แมค-เอ็มทีเอ 2019 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ชูไฮไลท์การจับคู่ธุรกิจ 8,000 คู่ คาดเงินสะพัดกว่า 14,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมของภูมิภาคอาเซียน
นางสาวบงกช อนุโรจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตไทยมีอัตราการเติบโตในทุกปีและมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี นับเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-curve) ด้วยความสำคัญดังกล่าวทางบีโอไอจึงมีแผนที่จะสนับสนุนการลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดงาน ซับคอนไทยแลนด์ (SUBCON THAILAND 2019) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 13 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อส่งเสริมการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการชาวไทยและบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่จากทั้งในและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดธุรกิจจากการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่
งานซับคอนไทยแลนด์ 2019 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 8 ถึง เสาร์ที่ 11 พฤษภาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ปีนี้มุ่งเป้าให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมของภูมิภาคอาเซียน” โดยมีกิจกรรมสนับสนุนมากมาย อาทิ งานแสดงนิทรรศการของอุตสาหกรรมสนับสนุนของไทย การจับคู่ธุรกิจ นำผู้ซื้อจากกว่า 400 บริษัท 30 ประเทศ โดยความร่วมมือของสำนักงานบีโอไอในต่างประเทศมาพบกับผู้ผลิตภายในงาน การจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการ รวมทั้ง Buyers’ Village ที่จะนำผู้ซื้อชิ้นส่วน จากกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve กว่า 15 ราย อาทิ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี ออสเตรีย สวีเดน เกาหลี เนเธอร์แลนด์ จีน อินเดีย เข้าร่วมงาน
สำหรับไฮไลท์ปีนี้ ได้จัดให้มีโซนพิเศษขึ้น คือ โซน Innovation to Business ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดง ผลงานวิจัยและนวัตกรรม เป็นการเชื่อมโยงหน่วยงานวิจัยและสถาบันการศึกษากับภาคอุตสาหกรรมการผลิต การรวมกลุ่มของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์อนาคต อุตสาหกรรมการบินและอากาศยาน ระบบราง และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เข้าร่วมแสดง
นอกจากนี้ในส่วนของ สมาคมเครื่องจักรกลระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย จะมีการนำเสนอ TARA Showcase นำเสนอการทำงานในไลน์การผลิตของระบบ Automation and Robotic รวมทั้งอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องแพทย์และสุขภาพ ที่พร้อมนำเสนอนวัตกรรมด้านอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ซึ่งสอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยงานซับคอนไทยแลนด์ในปี 2019 ได้มีการตั้งเป้าที่จะจับคู่ธุรกิจกว่า 8,000 คู่ และคาดว่าจะเกิดธุรกรรมทางธุรกิจมูลค่า ไม่น้อยกว่า 14,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยอดของการจับคู่ทางธุรกิจผ่านงานซับคอนไทยแลนด์ ในปีที่ผ่านมา (2018) สามารถจับคู่ทางธุรกิจได้ถึง 7,211 คู่ ก่อให้เกิดธุรกรรมกว่า 12,706 ล้านบาท ซึ่งยอดการจับคู่นั้นมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้คาดว่าจะยอดผู้ซื้อจากอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเข้าร่วมเพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมการบินชั้นนำกว่า 40 ราย อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ ซึ่งมาจากการเชิญของสำนักงาน BOI ในและต่างประเทศทั้ง 14 แห่ง
นอกจากนี้ ภายในงานจัดให้มี กิจกรรมสัมมนาส่งเสริมองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับธุรกิจภาคอุตสาหกรรมการผลิตทุกภาคส่วน กว่า 100 หัวข้อ อาทิ การลงทุนในตลาด CLMV, สัมมนาอากาศยานและศูนย์ซ่อมบำรุง Aerospace & MRO Summit Bangkok, Aerospace Manufacturing in Thailand: The View from OEMs, Aviation Industry in Thailand: Preparing for the future, สัมมนาเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ (Medical Device Seminar), สัมมนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่-EV (สัมมนาภาษาญี่ปุ่น) ฯลฯ โดยทั้งหมดครอบคลุมต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานบริหาร บริษัทยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) กล่าวว่า งาน อินเตอร์แมค-เอ็มทีเอ 2019 จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 36 โดยมีงานซับคอนไทยแลนด์จัดคู่ขนานกันมาอย่างยาวนานต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ซึ่ง งานอินเตอร์แมค-เอ็มทีเอ 2019 เป็นงานแสดงนวัตกรรมเครื่องจักรกล หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ เพื่ออุตสาหกรรมการผลิต รวบรวมเทคโนโลยีจาก 1200 แบรนด์ 45 ประเทศ และ มีประเทศผู้ผลิตนำผลงานมาจัดแสดงในรูปแบบพาวิลเลียน จำนวน 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี ไต้หวัน และจีน
นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสาธิตระบบการผลิตอัจฉริยะ ที่รวบรวมเทคโนโลยีการผลิตจากแบรนด์ชั้นนำในโซน (RO) Bots Hub มาทำงานร่วมกันด้วยซอฟท์แวร์ที่ออกแบบใหม่เพื่อการประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับไลน์การผลิตและเครื่องจักรที่มีอยู่ต่างชนิดได้อย่างลงตัว โดย บริษัท โรบอท ซีสเท็ม จำกัด (ROBOTSYSTEM) บริษัทของผู้เชี่ยวชาญชาวไทย หรือเจ้าของฉายา ไอรอนแมน เมืองไทย ที่ปัจจุบันได้รับการยอมรับในระดับสากล อาทิ การวางระบบงานขัดอุปกรณ์เครื่องบินจากอุตสาหกรรมอากาศยาน ไลน์การชงกาแฟจากโรบอทอาร์ม ซอฟแวร์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการแพทย์และยานยนต์อนาคต เป็นต้น
อีกทั้ง ยังมี โซนโชว์เคสนวัตกรรม และระบบอัตโนมัติที่จะนำผลงานการออกแบบระบบซอฟท์แวร์จากบริษัทข้ามชาติ โดย บริษัทเจอแรงการ์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ผู้เข้าชมงานสามารถทดลองใช้งานโปรแกรมให้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับเครื่องควบคุมโดยอัตโนมัติ เพื่อสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อมโยงเครื่องจักรให้ทำงานร่วมกันผ่านระบบ IOT อาทิ การสร้างภาพการผลิตที่สามารถตรวจสอบการทำงานได้จริงแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในอุตสาหกรรมการผลิตทุกประเภทตั้งแต่อุตสาหกรรมขนาดย่อยไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อีกด้วย
งานแสดงเครื่องจักรอุตสาหกรรมงานแรกที่ยิ่งใหญ่ของปี ภายในงานจะมีผู้ผลิตชิ้นส่วนร่วม 400 รายจากทั้งประเทศไทยและต่างประเทศเข้าร่วมจัดแสดง และคาดการณ์จะมีผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 45,000 ราย ที่สำคัญมีกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคด้วยโปรแกรมจับคู่ธุรกิจสำหรับผู้แสดงสินค้าของงานซับคอน ไทยแลนด์ เพื่อเชื่อมโยงทางธุรกิจและสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยและชาวต่างชาติต่อยอดสู่ความร่วมมือในอนาคต