RISE งัด AI Accelerator เร่งสปีดพัฒนานวัตกรรมองค์กร

22 เม.ย. 2562 | 03:55 น.

 

RISE (Regional Corporate Innovation Accelerator) สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการผลักดันนวัตกรรมองค์กรเปิดตัวโปรแกรมAI Accelerator เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นโปรแกรมเร่งสปีดการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือArtificial Intelligence (AI) มาใช้ในองค์กรมุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้และสามารถตอบโจทย์ขององค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

RISE.AI เป็นโปรแกรมเร่งสปีดนวัตกรรมในด้านAI สำหรับองค์กรโดยRISE ทำงานร่วมกับเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ครอบคลุมทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกโดยใช้ความเชี่ยวชาญของRISE ในการนำAI มาใช้เพื่อพัฒนานวัตกรรมองค์กรเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและนำไปใช้ได้จริงด้วยการเชื่อมต่อแนวคิดเชิงนวัตกรรมเข้ากับแนวทางปฏิบัติที่ประยุกต์ใช้ได้ในการเร่งสปีดการพัฒนาเทคโนโลยีAI

 

โปรแกรมRISE.AI นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวมสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมAI ที่ดีที่สุดจากทั่วโลกและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาร่วมกันพัฒนาโครงการนำร่องต่างๆกับบริษัทชั้นนำในภาคธุรกิจต่างๆเช่นการเงิน& การธนาคารประกันภัยพลังงานและเทคโนโลยีสะอาดเป็นต้นองค์กรชั้นนำในประเทศไทยที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ได้แก่บริษัทปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด(มหาชน) (ปตท.สผ) บริษัทเอไอแอนด์โรโบติกส์เวนเจอร์สจำกัดธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด(มหาชน) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(depa) โดยโปรแกรมนี้จะจัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน– กันยายน2562 

 

นายณัฐภัทรธเนศวรกุลHead of Ventures ของRISE กล่าวว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของจีดีพีโดยรวมของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งการจัดตั้งวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในองค์กรธุรกิจจะช่วยให้องค์กรระดับภูมิภาคต่างๆสามารถปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสมและยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆเพื่อนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

 

ขณะนี้อุตสาหกรรมของAI กำลังเติบโตและมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งธุรกิจและสังคมซึ่งการเพิ่มขึ้นของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนและพัฒนามากมายในอุตสาหกรรมต่างๆทำให้องค์กรเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจปฏิรูปวิธีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเพื่อให้องค์กรสามารถทำธุรกิจของตนเองและแข่งขันในเศรษฐกิจโลกได้ดังนั้นธุรกิจต่างๆจึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆเพื่อช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น 

 

จากข้อมูลวิจัยของMcKinsey ได้ระบุว่าการปรับใช้AI จะส่งผลทำให้กำไรของธุรกิจต่างๆในทุกภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีพ.ศ. 2578 โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาการให้บริการที่พัก& อาหารและการก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า70% นอกจากนี้มีการคาดว่าการใช้AI ในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกการเกษตรป่าไม้การประมงและการดูแลสุขภาพจะทำให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่า50%

รวมทั้งเมื่อพิจารณาถึงความได้เปรียบจากการนำAI มาใช้ในตลาดก่อนคู่แข่งขันในขณะนี้ธุรกิจต่างๆมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาขีดความสามารถด้านAI ของตนเองเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันดังกล่าว

 

“การนำAI มาใช้นั้นจะต้องใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูงบริษัทส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาทรัพยากรไม่เพียงพอในการพัฒนาเทคโนโลยีAI ภายในองค์กรและยังไม่สามารถเข้าถึงนักพัฒนาAI ทั่วโลกได้อีกด้วยสภาพแวดล้อมเหล่านี้คือเหตุผลว่าทำไมโปรแกรมRISE.AI จึงถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกับองค์กรต่างๆและนักพัฒนาAI ทั่วโลกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้าไว้ด้วยกันเพื่อร่วมกันทำงานที่มีศักยภาพและรักษาความสามารถในการแข่งขันในเศรษฐกิจโลกที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง” นายณัฐภัทรกล่าว

 

ด้านนายธนาสราญเวทย์พันธุ์ผู้จัดการอาวุโสสายงานบริหารเทคโนโลยีและองค์ความรู้ปตท.สผกล่าวว่าปตท.สผได้วางแผนในการนำเทคโนโลยีAI มาใช้ในหลายส่วนที่สำคัญขององค์กรเพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจขององค์กรทางเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการของโปรแกรมRISE.AI ที่จะช่วยให้ปตท.สผค้นหาสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดจากทั่วโลกมาผลักดันนวัตกรรมองค์กรด้านAI

 

RISE.AI เป็นโปรแกรมเร่งสปีดAI ที่ช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถเข้าถึงแหล่งคอมมูนิตี้AI ทั่วโลกโดยโปรแกรมนี้จะคัดเลือกสตาร์ทอัพจากความสามารถในการแก้ไขปัญหาในโจทย์ที่ได้รับจากแต่ละองค์กรทั้งนี้สตาร์ทอัพด้านAI ทั้งหมดที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโปรแกรมจะมีโอกาสเข้าร่วมแคมป์เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการนำร่องต่างๆเป็นเวลา9 สัปดาห์กับพันธมิตรองค์กรชั้นนำต่างๆของRISE และรับการให้คำปรึกษาส่วนตัวจากผู้เชี่ยวชาญด้านAI จากNew York University Tandon Future Labs เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าในโครงการที่สร้างขึ้นภายในกรอบเวลาของโปรแกรมมีศักยภาพระดับสากล

 

นอกจากนั้นด้วยโปรแกรมการประเมินเชิงกลยุทธ์และการให้คำปรึกษาจากพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญของRISE.AI จะทำให้RISE.AI เป็นแพลตฟอร์มที่มีแนวโน้มในการพัฒนาAI ขององค์กรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จซึ่งโปรแกรมดังกล่าวได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในเดือนเมษายนพ.ศ. 2562 โดยมีแผนที่จะจัดงานโรดโชว์ในเมืองใหญ่10 แห่งทั่วเอเชียได้แก่กรุงเทพฯสิงคโปร์โตเกียวเมืองโฮจิมินห์ปักกิ่งหางโจวเซินเจิ้นฮ่องกงโซลและไทเป

 

ด้านมีนาซาลิบผู้อำนวยการโครงการจากNew York University Tandon Future Labs ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรทางกลยุทธ์ของRISE.AI กล่าวว่า“ โปรแกรมRISE.AI เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพที่ต้องการการขยายตัวและการเติบโตของธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะองค์กรธุรกิจในภูมิภาคนี้ทุ่มการลงทุนในเทคโนโลยีAI เป็นอย่างมากดังนั้นผมจึงสนับสนุนให้สตาร์ทอัพAI จากทั่วโลกเข้าร่วมกับRISE.AI ซึ่งถือเป็นCorporate AI Accelerator ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”