Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

20 เม.ย. 2562 | 03:05 น.

กลยุทธ์การตลาดที่เชิดชูตัวแพง แต่หวังขายตัวถูกของฟอร์ด ไม่ใช่ว่าทำแล้วจะประสบความสำเร็จกันทุกค่ายนะครับ แน่นอนว่า “เรนเจอร์ แร็พเตอร์” ราคา 1.699 ล้านบาทเป็นปิกอัพสมรรถนะสูง ใส่ของมาไม่อั้น พร้อมโหมโฆษณา สื่อสารจนจินตนาการว่า มันน่าจะบินแข่งกับเครื่องบินรบได้อยู่แล้ว

แต่เอาเป็นว่าคนไทยชอบครับ มันดูอลังการ ไฮโซ ผลักดันให้ภาพของเรนเจอร์ ดูเท่ น่าเกรงขาม หรือยกระดับความพรีเมียมขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งคนทั่วไปไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายเงินระดับ 1.7 ล้านบาทเพื่อซื้อรุ่นแร็พเตอร์ มาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ดังนั้นยอดขายในรุ่นกลางๆ หรือตัวท็อป(เดิม) อย่างไวลด์แทร็ก ยังไปได้สวย

Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

เมื่อหันกลับมามองยอดขายปิกอัพไตรมาสแรกปีนี้ ที่ “โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่” กับ “อีซูซุ ดีแมคซ์” เป็นผู้นำอันดับ 1 และ 2 ด้วยจำนวน 41,667 คัน และ 38,832 คันตามลำดับ ส่วน “ฟอร์ด เรนเจอร์” ยังยึดที่ 3 เหนียวแน่น 12,396 คัน ตามด้วย “มิตซูบิชิ ไทรทัน” 10,168 คัน

ฟอร์ดบอกว่าจะไปท้าชิงที่ 1 หรือ 2 ยาก แต่อันดับ 3 จะไม่ปล่อยคืนให้ มิตซูบิชิ หรือ นิสสัน แน่นอน

การไมเนอร์เชนจ์ของเรนเจอร์ ช่วงไตรมาส 3 ปีที่แล้ว นอกจากปรับรูปลักษณ์และเพิ่มออพชันไปพอสมควร แต่หลักใหญ่ใจความยังอยู่ที่การถอดเครื่องยนต์ดีเซล 5 สูบ 3.2 ลิตร ออกไป แล้วแทนที่ด้วยบล็อก 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่(มีรุ่นเทอร์โบเดี่ยวเป็นทางเลือกด้วย) ส่วนบล็อก 4 สูบ 2.2 ลิตร ยังคงไว้เหมือนเดิม

Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

ล่าสุดผมนำ “เรนเจอร์ ไวลด์แทร็ก ตัวถังดับเบิลแค็บ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1.265 ล้านบาทมาทดสอบ โดยรุ่นนี้ใช้ขุมพลังใหม่ดีเซล เทอร์โบคู่ แต่ถ้าเป็นไวลด์แทร็กตัวรอง ราคา 1.029 ล้านบาท จะเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 180 แรงม้า

เมื่อเทียบกับบล็อกเดิม 5 สูบ 3.2 ลิตร 200 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตัน-เมตร “เรนเจอร์ ไวลด์แทร็ก 4x4” ใช้ขุมพลังขนาดเล็กลง แต่ยังผลิตประสิทธิผลได้มหาศาล โดยให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที แถมได้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มาแบ่งเบาภาระ ช่วยส่งกำลังลงสู่ล้อ(เดิม 6 สปีด)

สุดท้ายสมรรถนะไม่ได้ด้อยไปกว่าเดิม แต่ปล่อยไอเสียตํ่าลง(ไม่เกิน 200 กรัม/กม. เสียภาษีสรรพสามิตลดลงเป็น 17%) และกินนํ้ามันน้อยลง หรือเคลมไว้เฉลี่ย 11.09 กม./ลิตร

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองขับจริงวิ่งทางไกล ถ้าให้เทียบอัตราเร่งกับรุ่นเครื่องยนต์ 5 สูบ 3.2 ลิตร ทั้งจังหวะออกตัว หรือ เติมคันเร่งช่วงความเร็วกลางๆ ผมไม่รู้สึกว่าต่างกันมากครับ

Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

ขุมพลังและเกียร์ใหม่ การตอบสนองไม่ถึงกับจี๊ดจ๊าดมาก แต่ที่สัมผัสได้คือความราบรื่น ความต่อเนื่องของการส่งกำลังทำได้เนียนๆ และเสียงเครื่องยนต์เงียบลงไปเยอะ

เครื่องยนต์ดีเซลไดเร็กต์อินเจ็ก ชันบล็อกนี้ ออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด นํ้าหนักเบาลง พร้อมออกแบบท่อร่วมไอดีใหม่ และใช้สายพานไทมิ่งแบบจุ่มในนํ้ามันเครื่อง ด้านระบบอัดอากาศแบบ เทอร์โบ 2 ตัว แบ่งหน้าที่การทำงานกันชัดเจน ตัวแรกเป็นเทอร์โบแปรผัน (Vartiable Turbocharger) ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดสูงในย่านความเร็วตํ่า ลดอาการรอรอบ ส่วนเทอร์โบตัวที่2 เป็นระบบเทอร์โบ Fixed-geometry จะรับหน้าที่รีดกำลังอย่างต่อเนื่องเมื่อใช้ความเร็วสูง

ด้านช่วงล่างที่ประกบล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ประกบยางไฮเวย์เทอร์เรน บริดจสโตน ดิวเลอร์ 265/60 R18 รองรับได้หนึบแน่นตามสไตล์อยู่แล้ว ซึ่งใครชอบนุ่มๆต้องไปทาง มิตซูบิชิ ไทรทัน ส่วน โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ จะอยู่กลางๆ แต่ถ้าเน้นความหนึบแข็งต้อง นิสสัน นาวารา กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ นี่ละครับ

Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

ขณะที่นํ้าหนักด้านหน้าเบาลง(จากเครื่องยนต์เล็กลง) ให้การควบคุมแน่นกระชับ ซึ่งผมยังชอบพวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า ที่ปรับนํ้าหนักตามความเร็ว เห็นรถตัวใหญ่ๆ หนักๆแบบนี้ เมื่อขับช้าๆวนหาที่จอด พวงมาลัยเบาหวิวควบคุมได้สบายมือ และกรณีใช้ความเร็วสูงก็หน่วงนํ้าหนักขึ้น

ผมขับจากกรุงเทพๆไป สังขละบุรี กาญจนบุรี ระยะทางกว่า 300 กม. ใช้เวลาบนถนนเกิน 3 ชั่วโมง แต่ด้วยมาตรฐานของเรนเจอร์ ใช้งานแล้วไม่เครียด อย่างการออกแบบเบาะนั่งรับกับสรีระ เหมือนสัมผัสจะแข็งนิดๆ แต่นั่งไปนานๆไม่ปวดหลัง ขณะที่ตัวรถสูงมองระยะทางข้างหน้าได้ไกล ยังให้เสถียรภาพการทรง ตัวดี ดิสก์เบรก 4 ล้อ ให้การตอบสนองแม่นยำ นุ่มนวล และให้ความมั่นใจสูง

รุ่นไวลด์แทร็ก 4x4 ยังมี ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร พร้อมระบบอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยแบบจัดเต็มทั้ง ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ เรียกว่ายกชุดจาก พีพีวีไฮโซ เอเวอเรสต์ มาเลย

ด้านอัตราบริโภคนํ้ามันจากการวิ่งทางไกล ความเร็ว 100-120 กม./ชม. ได้ตัวเลขประมาณ 12-13 กม./ลิตร โดยความเร็ว 120 กม./ชม.ที่เกียร์สูงสุด สังเกตว่ารอบเครื่องยนต์ไม่ถึง 2,000

รวบรัดตัดความ...ถ้าไม่นับปิกอัพมหาเทพ “แร็พเตอร์” รุ่น “เรนเจอร์ ไวลด์แทร็ก ตัวถังดับเบิลแค็บ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ” ถือเป็นที่สุดของปิกอัพในเมืองไทย ทั้งในแง่ของราคา และออพชันที่ฟอร์ดใส่มาไม่ยั้ง ส่วนสมรรถนะการขับขี่รวมๆ โดดเด่นเรื่องการควบคุม-การทรงตัวให้ความมั่นใจสูง ใช้เดินทางไกลสบาย หรือจะลุยออฟโรดก็ยังไหว บางคนบอกว่าจ่าย 1.265 ล้านบาท จะคุ้มค่าหรือเปล่าเพราะฟังก์ชันบางอย่างไม่เคยได้ใช้ ตรงนี้แล้วแต่มุมมองครับ เพราะบางทีความคุ้มค่าที่สุดอาจจะไม่เคยโผล่ออกมาให้เห็นเพราะเราขับราบรื่น ปลอดภัย สบายใจ ได้เท่ ในทุกวัน  Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน

หน้า 22-23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,463 วันที่ 21-24 เมษายน 2562

Ford Ranger 4x4 Wildtrak โหดไม่เท่า"แร็พเตอร์"แต่เด่นเกินการใช้งาน