ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,559.54 จุด เพิ่มขึ้น 110.00 จุด หรือเพิ่ม 0.42% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,905.03 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด หรือเพิ่ม 0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,998.06 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด หรือเพิ่ม 0.02%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 192,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2512 และเป็นการลดลงติดต่อกัน 5 สัปดาห์ นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 205,000 ราย
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์และเสื้อผ้า โดยหุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกปรับตัวขึ้นขานรับรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ ปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า สหรัฐและจีนจะจัดการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศในเดือนหน้าเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าขั้นสุดท้าย โดยหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดขึ้น 1.04% หุ้นโบอิ้ง เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้น 3M เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นอีตัน คอร์ป ดีดตัวขึ้น 0.9%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน หลังมีจำนวนบริษัทมากกว่า 78% ในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และดีกว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะรายงานผลประกอบการลดลง 4.2% ในไตรมาสแรก