17 เม.ย. "นมโรงเรียน" เดือด! 'อนันต์' นั่งหัวโต๊ะเคาะหลักเกณฑ์นมโรงเรียนใหม่ตามมติ ครม. ... นายกสมาคมนมพาสเจอร์ไรส์ผ่าทางตัน! แนะโควตานมโรงเรียนใหม่แยกเค้กน้ำนมดิบ สิทธินมผง/ขายนมพาณิชย์ ต้องชัดเจน หวั่น! รัฐโดนต้ม
นายวสันต์ จีนหลง นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์และในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือ "มิลค์บอร์ด" เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงการจัดสรรสิทธิ์ตามคณะรัฐมนตรี (ครม.) (26 มี.ค. 62) เรื่อง "ระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้านบาท ใหม่" โดยคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ที่มี นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานนั้น จะมีการประชุม 17 เม.ย. 2562
"ในส่วนของสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์เสนอความคิดเห็นจากตัวเลขนมดิบที่นำมาจัดทำเอ็มโอยู เทอม 1/2562 ที่มาของตัวเลขที่นำมาจัดทำบันทึกข้อตกลงการซื้อขายน้ำนมดิบ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในอดีตเป็นตัวเลขที่ได้รับการรายงานมาจากศูนย์นมและได้รับการร้องเรียนว่า ตัวเลขไม่น่าเชื่อถือ เพราะเป็นตัวเลขที่ศูนย์นมแต่ละศูนย์รายงานเข้ามา โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจมีการรายงานข้อมูลให้มากเกินความเป็นจริง ดังนั้น จึงมีการให้กรมปศุสัตว์เข้าไปตรวจนับจำนวนนมดิบเดือนละครั้ง โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจปริมาณน้ำนมดิบทั้งมื้อเช้าและเย็น (นั่งเฝ้าศูนย์นม นับสมาชิก เช็กปริมาณของสมาชิกแต่ละคน) และนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับตัวเลขที่ศูนย์นมรายงานมาที่กรมส่งเสริมฯ ว่า แตกต่างมากน้อยกันเท่าไร"
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมามีการร้องเรียนว่า มีปริมาณน้ำนมดิบเพิ่มขึ้น และได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เข้าไปตรวจสอบในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ถามว่า การตรวจสอบครั้งนี้มีความน่าเชื่อถือกว่าครั้งที่ผ่านมาอย่างไร ในเมื่อใช้เจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้าไปตรวจสอบเช่นกัน และการตรวจสอบที่ผ่านมา ถ้าเราว่าไม่น่าเชื่อถือ ก็ต้องย้อนไปถามกรมปศุสัตว์ ว่า ที่ผ่านมาเข้าไปตรวจสอบอย่างไร ทำไมขาดความน่าเชื่อถือ เพราะถ้าตัวเลขที่ผ่านมาไม่น่าเชื่อถือ หรือ มีการทุจริตปั้นตัวเลขรายงานเข้ามา อธิบดีกรมปศุสัตว์ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือ เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นายวสันต์ กล่าวต่ออีกว่า การตรวจสอบครั้งล่าสุด พบว่า มีปริมาณตัวเลขน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นนั้น แนะนำควรนำตัวเลขปริมาณน้ำนมดิบใน 3 เดือนย้อนหลัง มาเปรียบเทียบ เพราะอยู่ในช่วงฤดูเดียวกัน ถ้าที่ตรวจสอบใหม่มีปริมาณน้ำนมดิบเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัย เพราะสาเหตุของการตรวจสอบปริมาณในรอบนี้มาจากการร้องเรียน ว่า "มีปริมาณน้ำนมดิบล้น" และเมื่อมีการตั้งกรรมการตรวจสอบ ก็พบว่า มีปริมาณน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นจริง ๆ ซึ่งน่าสงสัยว่า น้ำนมที่เพิ่มขึ้นมาจากไหน เพราะปริมาณน้ำนมที่ตรวจสอบมีปริมาณมากกว่าเดือน พ.ย. - ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งปกติจะมีปริมาณน้ำนมมากในช่วงนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ตั้งคำถามว่า ใครได้ประโยชน์จากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้
"ที่ผ่านมา ได้มีการร้องเรียนว่า มีการไซฟ่อนนม มีการนำน้ำนมดิบไปเวียนตามศูนย์นมเพื่อให้ตัวเลขเพิ่มขึ้น (ตามที่ผู้ร้องเรียนเข้าพบรัฐมนตรีเกษตรฯ) ถ้าเป็นตามที่มีผู้ร้องเรียนจริง ๆ แสดงว่า ตัวเลขการตรวจสอบที่ผ่านมาปริมาณน้ำนมดิบจะต้องมากกว่าความเป็นจริง แต่เพราะเหตุใดการตรวจสอบครั้งล่าสุดจึงมีปริมาณมากกว่าที่ผ่านมาอย่างมาก มีความพยายามผลักดันให้นำปริมาณน้ำนมดิบที่ได้จากการตรวจสอบในครั้งนี้มาใช้ในการจัดสรรสิทธินมโรงเรียนในภาคเรียนที่ 1/62 (เป็นไปได้หรือไม่ที่การตรวจสอบในครั้งนี้มีความพยายามทำให้มีปริมาณน้ำนมดิบมาก โดยวิธีใดก็ตาม เนี่องจากมีผู้ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำนมดิบ)"
ทั้งนี้ ในการนำปริมาณน้ำนมดิบที่นำมายื่นขอสิทธินมโรงเรียน 1/62 นั้น มีความเห็นว่า ปริมาณน้ำนมดิบที่จะนำมาจัดสรรสิทธิในภาคเรียนที่ 1/62 ควรใช้ตัวเลขค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 12 เดือน เนื่องจากรอบการจัดสิทธินี้จัดสรร 2 ภาคเรียน หรือ 1 ปี เป็นค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ไม่ควรใช้ปริมาณน้ำนมดิบที่ได้จากการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเดือน ก.พ. เพียงเดือนเดียว เพราะไม่ได้เป็นตัวแทนของปริมาณน้ำนมดิบจริง เป็นเพียงแค่ปริมาณน้ำนมดิบเดือนเดียว และเป็นปริมาณที่ค่อนข้างผิดปกติ (เดือน ก.พ. 2562 สภาพอากาศค่อนข้างร้อนกว่าทุก ๆ ปี) เพราะปริมาณน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือน ธ.ค. - ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็น มีปริมาณวัวรีดนมที่อยู่ในช่วงการให้นมสูงสุดมีปริมาณมาก (วัวคลอด ต.ค. - พ.ย.)
"ปริมาณน้ำนมดิบทั้งประเทศที่นำมาจัดทำ MOU ปี 61/62 ประมาณวันละ 3,300 ตัน/วัน ถูกจัดสรรไปแล้วทั้งปี ซึ่งจะสิ้นสุด MOU เดือน ต.ค. 2562 ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ดังนั้น การจัดสรรสิทธินมโรงเรียนภาคเรียนที่ 1/62 ยังอยู่ภายใต้ MOU 61/62 ถึงแม้ว่า ในภาคเรียนหน้านมโรงเรียนจะไม่ยึด MOU แต่ใช้การจัดทำสัญญาแทน แต่ MOU ก็ยังมีผลบังคับใช้กับนมในภาคส่วนอื่น ๆ อยู่ (นมพานิชย์, สิทธินมผง)"
หากอนุญาตให้ผู้ประกอบการนำน้ำนมดิบที่แจ้งความประสงค์ใช้สิทธิ "นมพาณิชย์" หรือ "ใช้สิทธินำเข้านมผง" มาใช้สิทธิแลกโควตานมโรงเรียนได้ เกรงว่าจะซ้ำซ้อน อาจจะทำให้ผู้ประกอบการลดหรือปฏิเสธซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศ จะทำให้น้ำนมดิบในประเทศล้น ไม่มีแรงจูงใจในการรับซื้อน้ำนมดิบในประเทศ ดังนั้น ยกตัวอย่าง สหกรณ์ ก. มีน้ำนมดิบ 20 ตัน มีการใช้สิทธินำเข้านมผง 10 ตัน ส่วนที่เหลือที่นำเข้าใช้สิทธิแลกโควตานมโรงเรียนควรจะเป็นแค่ 10 ตันเท่านั้น แต่ที่ผ่านมา บางรายนำเข้านมโรงเรียน 20 ตันทั้งหมดเลย เป็นต้น