ค่าเงินอาร์เจนตินาจ่อวิกฤติ ฉุดเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยพุ่งกระฉูด 66%

17 เม.ย. 2562 | 04:35 น.

สกุลเงินที่ได้ชื่อว่า อ่อนที่สุดในโลก หรือเป็น worst- performing currency นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงขณะนี้ คือ สกุลเงินเปโซของอาร์เจนติน่า ที่นักวิเคราะห์เชื่อกันว่า ค่าเงินที่ว่าอ่อนอยู่แล้วอาจจะยิ่งดำดิ่งลงไปอีกสู่ภาวะวิกฤติก่อนสิ้นปีนี้

 

ในปี 2561 ค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินาดิ่งลง 97.04% และนับจากต้นปี 2562 เป็นต้นมาก็อ่อนค่าลงมาแล้วมากกว่า 16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

ค่าเงินอาร์เจนตินาจ่อวิกฤติ ฉุดเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยพุ่งกระฉูด 66%

อาร์เจนตินา ซึ่งเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีภายในช่วงปลายปีนี้ เงินเปโซมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ 43.97 เปโซต่อดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (5 เม.ย.) นับเป็นสถิติอ่อนค่ามากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาเล็กน้อย ที่ระดับ 43.68 เปโซ/ดอลลาร์ ซึ่งเมื่อประกอบกับภาวะความยากลำบากอื่นๆ ทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่พุ่งสูง การที่รัฐนำมาตรการรัดเข็มขัดมาใช้ (ซึ่งทำให้สวัสดิการลดลง) และอัตราความยากจนที่ขยับสูงขึ้น ทำให้คะแนนนิยมในตัว นายมัวริซิโอ มาครี ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ลดลงอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า อาร์เจนตินาอาจจะต้องพบกับวิกฤติค่าเงินครั้งใหม่ก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึง

คะแนนนิยมในตัวนายมัวริซิโอ มาครี ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ลดลงอย่างมาก

ฟิโอนา แมคกี ผู้อำนวยการภาคพื้นลาตินอเมริกา สถาบัน วิจัย อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (EIU) ให้ความเห็นว่า ในประเทศอาร์เจนตินา ผู้คนมีความรู้สึกอ่อนไหวมากเป็นพิเศษเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของค่าเงินเปโซ มองค่าเงินเป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ ดังนั้นถ้าพูดในเชิงการเมือง ค่าเงินจึงเป็นตัวแปรสำคัญมาก และในขณะนี้แม้ว่า ยังไม่เห็นสัญญาณว่าค่าเงินเปโซจะดิ่งตํ่ามากเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2561 แต่ก็มีความเสี่ยงที่ว่าความผันผวนระลอกใหม่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

 

ตัวเลขทางเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในลาตินอเมริกา ยิ่งเพิ่มความน่ากังวลใจ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในปัจจุบันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 66% และค่าเฉลี่ยอัตราเงินเฟ้อรายปีก็สูงเกิน 50% ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัวลงกว่า 6% (ข้อมูล ณ ไตรมาสสุดท้ายของปี 2561) และตัวเลขอัตราความยากจนขยับสูงขึ้นเป็น 32% ขณะที่รัฐบาลทำอะไรได้ไม่มากนักเนื่องจากมีภาระผูกพันต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาลอาร์เจนตินามา 56,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 เพื่อแก้วิกฤติการเงินภายในประเทศ แต่นั่นก็ทำให้รัฐบาลต้องนำมาตรการรัดเข็มขัด ประหยัดทุกทางมาใช้ รวมถึงต้องลดตัวเลขขาดดุลการคลังลงมา

ค่าเงินอาร์เจนตินาจ่อวิกฤติ ฉุดเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยพุ่งกระฉูด 66%

ประธานาธิบดี มัวริซิโอ มาครี จึงต้องพบกับภาวะสูญเสียความนิยมขณะที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามา เพราะแม้ว่าบางมาตรการจะช่วยให้มีความหวังว่าปัญหาเศรษฐกิจจะลดลงไป แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่รัฐบาลจะทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมาอย่างทันตาเห็นก่อนจะถึงกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 27 ตุลาคมศกนี้ ย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วในปี 2015 ประธานาธิบดีมาครี ชนะการเลือกตั้งอย่างสง่างามท่ามกลางความหวังของตลาดเงินตลาดทุนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจเสรี มุ่งเน้นกลไกตลาดของเขา ว่าจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามา แต่เมื่อ 4 ปีผ่านไป ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพบว่า คะแนนความนิยมในตัวประธานาธิบดีมาครี เมื่อเปรียบเทียบกับนางคริสติน่า เฟอร์นันเดซ อดีตประธานาธิบดีที่ครองตำแหน่ง 8 ปีก่อนหน้าและเป็นเจ้าแห่งนโยบายหว่านงบสำหรับโครงการประชานิยม กลับมาอยู่ในระดับสูสีกันมากในปีนี้

 

หลายเสียงในตลาดการเงินเกรงว่ามาตรการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาภายใต้ข้อผูกพันของไอเอ็มเอฟจะมีอนาคตเป็นอย่างไรต่อไปนั้น จะขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะผลเลือกตั้งในฝั่งของประธานาธิบดีมาครี มีความเป็นไปได้ว่าหลังเลือกตั้งหากมาครีได้ครองตำแหน่งอีกสมัย มาตรการฟื้นเศรษฐกิจภายใต้การควบคุมของไอเอ็มเอฟก็จะเดินหน้าต่อเนื่อง แต่ถ้าหากฝั่งนางคริสติน่า เฟอร์นันเดซ ได้รับชัยชนะ สามารถกลับมาครองตำแหน่งอีกครั้ง ทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา และภาวะที่ไม่มีความแน่นอนหรือยากคาดเดานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับอาร์เจนตินา ที่นักวิเคราะห์คาดว่า ยังต้องการเงินช่วยเหลือในปีหน้าอีกประมาณ 27,300 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 8.73 แสนล้านบาทเพื่อผลักดันตัวเองออกจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3462 ระหว่างวันที่ 18-20 เมษายน 2562

ค่าเงินอาร์เจนตินาจ่อวิกฤติ ฉุดเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยพุ่งกระฉูด 66%