บอร์ดททท.ไฟเขียวต่ออายุสัญญา “ยุทธศักดิ์ สุภสร” นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ อีก 4 ปี หลังประเมินผลงานผ่านฉลุย เหลือชงเข้าที่ประชุมบอร์ดวันที่ 23 เมษานี้ ต่อรองเงินเดือน
แหล่งข่าวระดับสูงจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า การประชุมคณะกรรมการในวันที่ 23 เมษายนนี้ ที่ประชุมจะนำเรื่องสรุปผลการต่อรองรายได้ของนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการฯ เสนอต่อที่ประชุมหลังก่อนหน้านั้นบอร์ดได้มีมติให้ต่อสัญญาการว่าจ้างในตำแหน่งผู้ว่าการ ออกไปอีก 4 ปีจากที่จะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยรายได้ของผู้ว่าการฯ ที่เป็นเงินเดือนจะอยู่ที่ต่ำสุด 200,000 บาทสูงสุด 400,000 บาท ไม่รวมสวัสดิการอื่น ๆ ทั่วไป ที่พึงได้
ส่วนเหตุผลที่บอร์ดให้ต่อสัญญาเพราะพิจารณาแล้วคุณสมบัติเข้าเงื่อนไขหลายประการ ทั้งอายุยังไม่ครบ 60 ปี ผลงานทุกด้านประเมินแล้วอยู่ในระดับพึงพอใจ ถือว่าผ่านหมด ไม่ว่าจะเรื่องความพึงพอใจของพนักงานททท. ที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาผู้ว่าฯ มีการปรับปรุงเรื่องฐานรายได้ สวัสดิการ ให้เข้าเกณฑ์หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ไม่แสวงหารายได้ การเปิดสำนักงานในประเทศและต่างประเทศ และที่ผ่านมาสามารถร่วมมือกันทำงานได้เป็นอย่างดี กับฝ่ายบริหารและพนักงานที่ถือว่าเป็นผู้ว่าการฯ คนแรกที่เป็นคนนอกองค์กร
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาถึงความพึงพอใจในการทำงานร่วมกับภาคเอกชนในวงการท่องเที่ยวและความสามารถในการบริหารงานได้ตามนโยบายของบอร์ด รวมถึงการแก้ไขวิกฤติต่าง ๆ ได้อย่าง ฉับไว เช่น ช่วงเกิดเหตุระเบิดย่านสี่แยกราชประสงค์ มีการนำศิลปินดัง อย่าง หมีเซี๊ยะ และ เยิ่นต๊ะหัว เดินทางเข้ามารำถวายและสักการะท่านท้าวมหาพรหม
ภาพที่ปรากฏออกไป ตามสื่อต่าง ๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวตลาดจีนได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นการแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที รวมถึงการริเริ่มจัดงาน Light Mapping พระปรางค์วัดอรุณราชวนารามจนทำให้ สื่อดังระดับโลกซีเอ็นเอ็น ถ่ายทอดสดเคาน์ดาวน์ โดยยังไม่รวมถึงอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวทุกปีในช่วง 4 ปี ที่รับตำแหน่งเกือบ 10 ล้านคน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางการเมืองในช่วงสูญญากาศ ที่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อไม่ให้งานสะดุด บอร์ดจึงมีความเห็นว่าหากใช้วิธีเปิดสรรหาผู้ว่าคนใหม่กว่าจะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ คาดต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 เดือนหรือ 150 วัน ตามระเบียบของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งจะทำให้การบริหารงานไม่ต่อเนื่องอีกทั้งอาจมีการลวงลูกจากฝ่ายการเมืองทำให้ไม่เกิดผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่กำลังเติบโตและเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ จึงเลือกวิธีการต่อสํญญาดังกล่าว