บิสิเนส แบ็กสเตจ | สร้างสุขง่าย ๆ สไตล์ "ธุรกิจครอบครัว"

08 เม.ย. 2562 | 11:19 น.


... สำหรับธุรกิจครอบครัวแล้ว ข้อดีในการนำสมาชิกในครอบครัวเข้ามาทำงาน คือ จะไม่มีการลักขโมย สามารถทำงานเกินเวลาได้ ช่วยปลอบใจกันในเวลาที่ยากลำบาก เป็นผู้สืบทอดเมื่อผู้นำต้องการที่จะเกษียณหรือวางมือ และจะบอกให้รู้เมื่อพนักงานที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นต้น ซึ่งหากธุรกิจครอบครัวสามารถดำเนินไปด้วยดี ชีวิตครอบครัวก็ย่อมดีไปด้วย เพราะเมื่อทุกคนรวมตัวกันและสามารถมองเห็นเป้าหมายร่วมกันแล้ว จะกลายเป็นทีมครอบครัวที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมาก เพื่อทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและสามารถสร้างสมดุลในการทำงานกับชีวิตส่วนตัวได้ในแบบที่เจ้าของธุรกิจทั่วไปทำได้ยาก

แต่ในทางกลับกัน หากเริ่มมีความผิดพลาดเกิดขึ้น จะไม่ใช่แค่ธุรกิจเท่านั้นที่ยํ่าแย่ ผู้นำไม่มีทางหนีความยุ่งยากไปได้ ถ้าสมาชิกในครอบครัวล้มเหลวในการทำงาน ดังนั้น เพื่อให้ครอบครัวมีความสุขในการทำธุรกิจและมีความสุขกับชีวิตครอบครัวด้วยเช่นกัน Nick Hodson ที่ปรึกษาด้านธุรกิจครอบครัว ได้เสนอแนะกฎในการทำธุรกิจครอบครัวอย่างมีความสุขเอาไว้ 7 ข้อ ดังต่อไปนี้

1.ปฏิบัติกับสมาชิกในครอบครัวเช่นเดียวกับพนักงานคนอื่น ๆ ในเวลาทำงาน เรื่องนี้อาจพูดง่าย แต่ทำได้ยากนัก โดยเฉพาะกับสมาชิกรุ่นเยาว์ของครอบครัวที่ยังไม่เข้าใจความสำคัญของการรักษาบรรยากาศการทำงานอย่างมืออาชีพตลอดเวลา

2.มีการวัดและประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นประจำ โดยทั่วไปมักเห็นได้ชัดว่า สมาชิกในครอบครัวจะได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ แต่สิ่งสำคัญ คือ การปฏิบัติต่อทุกคนในบริษัทอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสมาชิกในทีมที่ไม่ใช่คนในครอบครัวที่จะรู้สึกว่า พวกเขาไม่เป็นที่ชื่นชมเท่ากับสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในตำแหน่งเท่าเทียมกัน ดังนั้น การประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี จึงเป็นวิธีที่ดีในการแสดงให้เห็นว่า สมาชิกในครอบครัวได้รับการประเมินในลักษณะเดียวกันกับสมาชิกคนอื่น ๆ ของทีม ซึ่งหากพบข้อบกพร่องในการปฏิบัติงานของสมาชิกในครอบครัวในระหว่างการประเมินประจำปี ก็จะต้องดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง

 

บิสิเนส แบ็กสเตจ | สร้างสุขง่าย ๆ สไตล์ "ธุรกิจครอบครัว"

 

3.ไม่พูดคุยเรื่องธุรกิจในบ้าน เมื่อสมาชิกในครอบครัวต้องทำงานด้วยกันตลอดทั้งวัน จึงง่ายมากที่จะติดนิสัยการพูดคุยเรื่องงานที่บ้าน ทั้งนี้ มีธุรกิจครอบครัวหลายแห่งตั้งกฎเหล็ก "ไม่คุยเรื่องธุรกิจบนโต๊ะอาหาร" ขึ้นมา แต่นับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะทำได้ ดังนั้น อีกทางหนึ่งที่ทำได้ คือ พยายามสร้างสมดุลอย่างมีความสุข และหากิจกรรมที่ทำให้เลิกคิดเรื่องงาน เช่น การเล่นเทนนิส กอล์ฟ หรือ ว่ายนํ้า ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ และไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้สมาธิมาก ๆ
 


4.กำหนดสิ่งที่คาดหวังจากสมาชิกในครอบครัวให้ชัดเจน ควรตระหนักว่า สมาชิกในครอบครัวอาจคาดหวังที่จะทำงานแค่ในส่วนที่เท่า ๆ กับพนักงานคนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว ดังนั้น จะไม่เป็นการดีสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย หากได้รับรู้ว่า ตนต้องทำงานนั้นทั้งหมดเพียงฝ่ายเดียว พวกเขาจะไม่เคารพงาน หรือ ผู้นำ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกำหนดสิ่งที่คาดหวังจากสมาชิกในครอบครัวให้ชัดเจน ต้องบอกว่าจะได้รับค่าตอบแทนเท่าใด ต้องทำงานกี่ชั่วโมง กฎเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือในที่ทำงาน กรณีอย่างเช่น การใช้โทรศัพท์ของบริษัทโทรคุยกับเพื่อน การพักทานอาหารกลางวันเกินเวลา สิ่งเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสมาชิกในครอบครัว แต่หากเป็นพนักงานคนอื่นอาจไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้น จึงไม่ควรสร้างความแตกต่างให้กับสมาชิกในครอบครัว

5.กำหนดสิ่งที่สมาชิกในครอบครัวควรคาดหวัง ในบางครั้ง พนักงานที่เป็นสมาชิกในครอบครัวอาจคาดหวังการทำงานที่ง่ายดาย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ไม่สามารถคาดหวังให้พวกเขาทำสิ่งที่เหนือกว่าและไกลกว่านั้นได้ ดังนั้น ต้องกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนในสิ่งที่พวกเขาจะได้ตอบแทนตามเวลาที่กำหนด งานที่ทำนอกเวลางานควรได้รับรางวัล (ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไป) แต่ควรชัดเจนว่า รางวัลคืออะไร และเหตุผลที่ได้รับ

6.ลูกรักของพ่อแม่ (Golden Child) โดยทั่วไป พนักงานในบริษัทจะถือว่า ลูกของเจ้านายต้องได้รับความพึงพอใจเสมอ แต่พนักงานบางคนอาจมีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าจะทำอะไร พวกเขาจะรู้สึกว่า ลูกรักของเจ้านายเข้ามาแย่งความสนใจและความชื่นชมไป ขณะที่ เด็กบางคนเข้ามาในธุรกิจครอบครัวโดยมีทักษะความสามารถพร้อม ก็ไม่ควรรู้สึกถึงการได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจครอบครัวที่ดี มักให้ทายาทรุ่นใหม่เริ่มต้นงานที่ตำแหน่งล่างสุด ซึ่งไม่สำคัญว่าเป็นธุรกิจอะไร แต่การมีพนักงานที่ทำงานให้กับธุรกิจมานานหลายปี และความรู้ที่สะสมมาจากคนเหล่านี้ คือ สิ่งมีค่า ผู้นำคนต่อไปอาจมีปริญญาโทและ MBA แต่พวกเขาไม่มีประสบการณ์ 35 ปี ในการสร้างผลิตภัณฑ์ การให้บริการ หรือ พบปะผู้คนจำนวนมาก ซึ่งคอมมอนเซนต์ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามาก

 

บิสิเนส แบ็กสเตจ | สร้างสุขง่าย ๆ สไตล์ "ธุรกิจครอบครัว"

 

7.ความในอย่านำออก ทุกความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นสิ่งที่อ่อนไหวมาก บางครั้งความกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ อาจทำให้ความสัมพันธ์เหล่านี้เกิดความตึงเครียดได้ ซึ่งหากเป็นธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่มักจะมีห้องประชุมคณะกรรมการ หรือ พื้นที่อื่น ๆ ที่สามารถพูดคุยข้อพิพาทและแก้ไขปัญหาในองค์กรได้ ขณะที่ ธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องออกไปคุยกันภายนอกและนำปัญหาออกไปด้วย ทราบหรือไม่ว่า วิธีที่ธุรกิจจะสูญเสียความน่าเชื่อถือรวดเร็วที่สุด คือ การที่ข้อมูลจากทีมผู้บริหารระดับสูงหลุดออกสู่สาธารณะและมันยังจะกลายเป็นแหล่งข่าวซุบซิบชั้นดี ซึ่งข่าวลือเหล่านี้ สามารถเริ่มต้นและแพร่กระจายออกไปก่อนที่เจ้าตัวจะรู้เรื่องเสียอีก ทำให้คู่แข่งอาจจะหยิบยกข่าวนี้ขึ้นมาและปล่อยกลับไปสู่ลูกค้าของคุณ ส่งผลให้พนักงานทั้งที่เป็นสมาชิกในครอบครัวและพนักงานทั่วไปจะเริ่มกังวลว่า งานของตนยังปลอดภัยดีอยู่หรือไม่ ดังนั้น ควรตั้งกฎให้เรื่องของครอบครัวควรอยู่ภายในบ้านเท่านั้น เพื่อให้ครอบครัวสามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่นต่อไป

คอลัมน์ | หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3459 ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน 2562
 

บิสิเนส แบ็กสเตจ | สร้างสุขง่าย ๆ สไตล์ "ธุรกิจครอบครัว"