ธุรกิจไทยกว่าครึ่งไม่ปรับตัว พัฒนาคนรับคลื่น AI

08 เม.ย. 2562 | 23:20 น.


ไมโครซอฟท์เผยผลสำรวจความพร้อมองค์กรไทย 48% ระบุ ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ในการพัฒนาทักษะบุคลากรรับคลื่นเทคโนโลยี AI ผู้นำองค์กรมอง 3 ทักษะบุคลากรอนาคต ความคิดสร้างสรรค์ ดิจิทัล การคิดวิเคราะห์

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รายงานวิจัยของไมโครซอฟท์และไอดีซีได้ชี้ให้เห็นช่องว่างในแง่ของทักษะและศักยภาพบุคลากรในตลาดแรงงานไทย โดยไทยกำลังพัฒนาไปสู่การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI โดยผลวิจัยดังกล่าว ซึ่งมีที่มาจากการสำรวจองค์กรธุรกิจ 101 แห่งในประเทศ ยังพบอีกว่า เกือบครึ่งหนึ่งของธุรกิจเหล่านั้นยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อพัฒนาทักษะของบุคลากรให้ใช้ประโยชน์จาก AI ได้

"เทคโนโลยี AI มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของทั้งธุรกิจและผู้บริโภค ในโลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นับวันก็มีสายงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีลดลง ขณะที่ นักเรียนนักศึกษาจำนวนมากในปัจจุบันจะเรียนจบออกมาสู่ตลาดแรงงานที่เต็มไปด้วยตำแหน่งงานที่เกิดขึ้นใหม่ ยังไม่มีอยู่ในปัจจุบัน"

นายธนวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า "ธุรกิจจำนวนมากได้เริ่มให้ความสนใจกับศักยภาพของ AI ในการขับเคลื่อนและยกระดับขีดความสามารถของพวกเขา จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่องค์กรเหล่านั้นจะลงทุน ไม่ใช่เพียงในด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาคน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในอนาคตด้วย"

 

ธุรกิจไทยกว่าครึ่งไม่ปรับตัว พัฒนาคนรับคลื่น AI

 

รายงานวิจัยดังกล่าวยังระบุว่า มีองค์กรธุรกิจไทยเพียง 20% เท่านั้น ที่วางแผนและเริ่มต้นการพัฒนาบุคลากรให้พร้อมสำหรับเทคโนโลยี AI อย่างครอบคลุมและเต็มที่แล้ว ขณะที่ 32% เริ่มการพัฒนาในบางส่วน ขณะที่ องค์กรที่ีร่วมการสำรวจความคิดเห็นถึง 48% ยังไม่เริ่มดำเนินการใด ๆ และในกลุ่มนี้มีถึง 21% ที่ยังไม่มีแผนดำเนินงานด้านทักษะของพนักงานเลย

ด้าน นายไมเคิล อะราเน็ตตา รองประธานบริหาร ไอดีซี ไฟแนนเชียล อินไซต์ เสริมว่า มีข่าวดีอยู่บ้างในด้านของการยอมรับว่า บุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจในอนาคต ซึ่งเป็นแนวคิดที่ชัดเจนและค่อนข้างแพร่หลายในประเทศไทย โดยธุรกิจไทย 77% ระบุว่า จะลงทุนในตัวพนักงานให้ทัดเทียมกับ หรือ มากกว่าเทคโนโลยี AI นอกจากนี้ บริษัทและพนักงานยังมีความเห็นพ้องกันเกี่ยวกับบทบาทหลักของผู้ว่าจ้างในการเสริมสร้างทักษะให้กับแรงงาน โดย 93% ของผู้นำองค์กร และ 89% ของพนักงาน มองว่า องค์กรต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้"

เมื่อกล่าวถึงผลกระทบจากเทคโนโลยี AI ต่อการทำงานในอนาคตของผู้นำองค์กรและพนักงาน พบว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างมองไปในทางเดียวกัน โดย 77% ของผู้นำองค์กร และ 58% ของพนักงาน คาดหวังว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้พวกเขาสามารถทำงานได้ดีขึ้น หรือ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ ผู้นำธุรกิจ 13% และแรงงาน 19% มองเห็นโอกาสใหม่ ๆ จากตำแหน่งงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ และมีผู้นำธุรกิจเพียง 5% และพนักงาน 13% เท่านั้น ที่เชื่อว่า AI จะมาแย่งงานจากมนุษย์

รายงานวิจัยฉบับดังกล่าวยังระบุว่า ผู้นำองค์กรธุรกิจไทยระบุว่า ทักษะที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับบุคลากรในอนาคต ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ มีสัดส่วน 52% ทักษะทางดิจิทัล มีสัดส่วน 51% และทักษะการคิดวิเคราะห์ หรือ ทักษะด้านสถิติ มีสัดส่วน 50% นอกจากนี้ ผลวิจัยยังคาดการณ์ว่า ปริมาณแรงงานที่มีทักษะในทั้ง 2 ด้าน และความสามารถในการวิจัยและการพัฒนาเชิงวิทยาศาสตร์ จะไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในอีก 3 ปีข้างหน้า

"อีกข้อมูลสำคัญที่น่าสังเกต คือ ความแตกต่างระหว่างความคาดหวังของผู้นำธุรกิจและพนักงาน ในการเลือกทักษะสำคัญที่ต้องพัฒนาเพื่ออนาคต ผู้บริหารในองค์กรไทยเชื่อว่า บุคลากรที่มีความสามารถจำเป็นต้องมีมากกว่าแค่ทักษะทางเทคนิค โดย 3 ทักษะที่มีช่องว่างมากที่สุดระหว่างมุมมองของผู้นำและพนักงานในเรื่องความสำคัญ คือ การบริหารจัดการโครงการ แตกต่างกัน 16% ความเป็นผู้นำและการบริหารจัดการคน แตกต่างกัน 14% และความคิดสร้างสรรค์ แตกต่างกัน 13%"

พนักงานจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่เชื่อมั่นในความพร้อมของวัฒนธรรมองค์กรสำหรับการนำเทคโนโลยี AI มาใช้มากกว่าผู้บริหาร โดยพนักงานกว่า 72% เชื่อว่า องค์กรของตนไม่อนุญาตให้พนักงานรับมือกับความเสี่ยง ทำการตัดสินใจ หรือ ปรับเปลี่ยนระบบงานให้รวดเร็วฉับไวขึ้น ขณะที่ ราว 45% มองว่า ผู้บริหารในองค์กรของตนยังขาดการผลักดันให้ทุกคนร่วมกันผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงรุกจากระดับผู้นำ


หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3459 ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน 2562
 

ธุรกิจไทยกว่าครึ่งไม่ปรับตัว พัฒนาคนรับคลื่น AI