'กฤษฎา' ยัน! "นมโรงเรียน" 1.4 หมื่นล้าน โปร่งใสเป็นธรรม

05 เม.ย. 2562 | 06:06 น.

'กฤษฎา' ยัน! "นมโรงเรียน" 1.4 หมื่นล้าน โปร่งใสเป็นธรรม

 

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ที่จัดโดยคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน งบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีความโปร่งใส เป็นธรรม ในช่วงแรกอาจจะมีขรุขระบ้าง แต่ต่อไปจะราบรื่น โดยคณะกรรมการชุดใหม่จะไม่อยู่ภายใต้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) โดยมีประธาน/เลขาฯ เป็นปลัดเกษตร/อธิบดีกรมปศุสัตว์ และมีอนุกรรมการ 3 คณะ ประกอบด้วยคณะ ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการบริหารกลางโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน 2.คณะอนุกรรมการรณรงค์บริโภคนมในสถาบันการศึกษาทุกระดับ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ระดับกลุ่มพื้นที่ 5 (ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีปริมาณการเลี้ยงโคนมมากที่สุดตามเขตที่แบ่ง/ปศุสัตว์จังหวัดนั้น)

 

'กฤษฎา' ยัน! "นมโรงเรียน" 1.4 หมื่นล้าน โปร่งใสเป็นธรรม

 

ทั้งนี้ จะให้ อ.ส.ค. ทำหน้าที่แทนองค์กรระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเช่นเดิม โดยใช้ระบบบิ๊กดาต้า ระบบสารสนเทศแอพพลิเคชัน และมอบให้กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับ อ.ส.ค. กรมส่งเสริมสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำระบบฐานข้อมูล (ปี 2562 ยกเว้นไปก่อน) สำหรับการอ้างอิงปริมาณน้ำนมดิบที่ทำพันธะสัญญา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย จะไม่มีการทำปริมาณน้ำนมดิบแบบเอ็มโอยู

 

'กฤษฎา' ยัน! "นมโรงเรียน" 1.4 หมื่นล้าน โปร่งใสเป็นธรรม

 

นายกฤษฎา กล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน อาศัยอำนาจตามความในคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ 788/2562 ลงวันที่ 2 เม.ย. 2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน จึงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน 3 คน ดังนี้ 1.นายสุวิทย์ คำดี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา 2.รศ.สุวิชัย โรจนเสถียร อดีตนายกสัตวแพทยสภา (คณะกรรมการสัตวแพทยสภาวาระ พ.ศ. 2558-2561) และ 3.นายพิทักษ์ อบสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาและรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (คำสั่งลง ณ วันที่ 3 เม.ย. 62)

 

'กฤษฎา' ยัน! "นมโรงเรียน" 1.4 หมื่นล้าน โปร่งใสเป็นธรรม

 

ด้าน นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน กล่าวถึงการได้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้เลือกเฟ้นคนเก่ง คนดี และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนมโรงเรียนมาเลย ดังนั้น จึงมั่นใจว่า โครงการต่อไปนี้จะ "ราบรื่น โปร่งใส เป็นธรรม" จะจัดสรรพื้นที่ให้เป็นแบบกระจายอำนาจไม่มีการ "เซ็นเอ็มโอยู" จะใช้วิธีการเซ็นแบบคู่สัญญาตามกฎหมายเกษตรพันธะสัญญา พร้อมกับจะสั่งให้ทำ "ประกันภัย" ด้วยเพื่อการดูแลควบคุมคุณภาพน้ำนมดิบ การรับส่งมอบจะต้องเป็นไปตามสัญญา แล้วต่อไปปัญหาน้ำนมดิบล้น เพิ่ม โป่งพอง จะไม่มีแล้ว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องขอขอบพระคุณรัฐมนตรีเกษตรฯ "นายกฤษฎา บุญราช” ที่ได้มีวิสัยทัศน์นำความคิดเห็นต่าง ๆ หลายฝ่ายมาใส่ในโครงการนี้ เพื่อให้ทุกคนได้มีความเป็นธรรม และเด็กจะต้องได้ดื่มนมคุณภาพตามงบประมาณที่รัฐบาลได้จัดสรรปีละ 1.4 หมื่นล้านบาท "ทุกฝ่าย" ก็จะต้องได้ "ประโยชน์" ด้วยไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่านั้น!!