'ไทยออยล์' คาดสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง

01 เม.ย. 2562 | 06:52 น.


 ราคาน้ำมันดิบคาดทรงตัวในระดับสูง หลังอุปทานปรับลด แต่ยังถูกกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ
 
'ไทยออยล์' คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 57-62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 65-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

'ไทยออยล์' คาดสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง

 

 แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (1–5 เม.ย. 62)
 
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง จากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ประกอบกับปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านและเวเนซุเอลาที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ บางแห่งอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล โดยนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก หลังสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
 


ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

  • ♣ อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากการที่กลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียในเดือน มี.ค. และ เม.ย. 2562 จะปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณการผลิตที่ต่ำกว่าที่ซาอุดิอาระเบียได้ทำข้อตกลงไว้ในการประชุมกลุ่มโอเปกครั้งที่ผ่านมา ที่ระดับ 10.31 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ รัสเซียปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในช่วงเดือน มี.ค. 2562 ลงราว 40,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อให้ปริมาณการผลิตของรัสเซียเป็นไปตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันกับกลุ่มโอเปก นอกจากนี้ การส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาปรับตัวลดลง หลังประสบปัญหาไฟฟ้าขัดข้องทั่วประเทศอีกครั้ง ในช่วงวันที่ 25 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในเดือน มี.ค. นับจากที่เกิดเหตุการณ์ไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2562
     
  • ♣ อุปทานน้ำมันดิบจากอิหร่านมีแนวโน้มปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากสหรัฐฯ มีแผนขยายช่วงเวลาการผ่อนผันมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบอิหร่าน ซึ่งจะสิ้นสุดในช่วงต้นเดือน พ.ค. 2562 เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มสูงขึ้นเกินไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบจากอิหร่านที่แต่ละประเทศสามารถนำเข้าได้อาจน้อยกว่าปริมาณที่ได้รับการผ่อนปรนในครั้งที่ผ่านมา
     
  • ♣ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น หลังตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 22 มี.ค. 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 442.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ บางส่วนหยุดดำเนินการผลิตในช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี ซึ่งกำลังการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ประกอบกับสหรัฐฯ ส่งออกน้ำมันดิบลดลงไปสู่ระดับ 2.89 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากประสบปัญหาท่าขนส่งน้ำมัน Houston เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณถังบรรจุผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
     
  • ♣ ติดตามสถานการณ์ Brexit หลังรัฐสภาอังกฤษลงมติคัดค้านทางเลือกทั้งหมดเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรี "เทเรซา เมย์" โดยสมาชิกรัฐสภาอังกฤษได้ลงมติให้เปลี่ยนช่วงเวลา Brexit เป็นวันที่ 12 เม.ย. 2562 หรือ 22 พ.ค. 2562 โดยให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายและให้ยกเลิกกำหนดการ Brexit เดิมที่เคยระบุไว้ว่าเป็นวันที่ 29 มี.ค. 2562
     
  • ♣ ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ และรายได้นอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ
     


สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 – 29 มี.ค. 2562)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้น 1.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 60.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 68.39 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 67.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียในช่วงวันที่ 1-26 มี.ค. 2562 ที่ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 11.30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับสถานการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศในเวเนซุเอลา ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2562 ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ หลังสหรัฐฯ มีปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบลดลงจากปัญหาเพลิงไหม้ถังบรรจุผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและสารเคมีรั่วไหลบริเวณท่าเรือขนส่ง Houston ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากความกังวลของนักลงทุนต่อปัจจัยด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว 10 ปี เทียบกับระยะสั้น 3 เดือน ติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งเป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ที่มา : บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์ ฉบับวันที่ 1 เมษายน 2562