นโยบายรัฐบาลชุดใหม่ อย่าจุดชนวนวิกฤติการคลัง

นโยบายรัฐบาลชุดใหม่ อย่าจุดชนวนวิกฤติการคลัง
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ถือเป็นวันสำคัญที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51,419,975 คน ตัดสินใจชี้ชะตาอนาคตของประเทศ โดยคาดว่ากระบวนการจัดหาตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศได้ ประมาณเดือนมิถุนายน หรืออีก 3 เดือนนับจากนี้ ซึ่งแน่นอนว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จะมีการนำนโยบายที่เคยหาเสียง เพื่อสร้างคะแนนนิยมจากประชาชนช่วงการเลือกตั้งมาดำเนินการให้มีผลเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตามถ้าดูจากแผนการคลังระยะปานกลาง ปีงบประมาณ 2563-2556 ที่กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดทำขึ้นเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้ การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ พบว่าในระยะข้างหน้าฐานะการคลังของประเทศ มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างของความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย จากภาระการคลังที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ตามการเข้าสู่สังคมสูงวัย ความเสี่ยงจากภาระการคลังแอบแฝง จากการดำเนินนโยบายประชานิยมของหลายรัฐบาลที่ผ่านมา
นโยบายรัฐบาลชุดใหม่ อย่าจุดชนวนวิกฤติการคลัง
รายงานฉบับนี้เสนอให้ มีการเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เร่งผลักดันกฎหมายจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ในต่างประเทศ รวมถึงศึกษาแนวทางปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลทั้งระบบ ทั้งในส่วนของรายได้ภาษีและรายได้จากทรัพย์สิน ตลอดจนปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์และพัฒนาฐานข้อมูลที่ใช้ติดตามการจัดเก็บภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ ขยายฐานภาษี และปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้มีความเป็นธรรม ความเท่าเทียม และความเหมาะสมกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป

ขณะเดียวกันจะต้องควบคุมรายจ่ายของรัฐบาลที่เป็นรายจ่ายประจำ โดยเฉพาะรายจ่ายด้านบุคลากรเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายจ่ายลงทุนต่อวงเงินงบประมาณ โดยการจัดสรรงบประมาณควรคำนึงถึงความจำเป็น ความเร่งด่วน ความคุ้มค่า ศักยภาพของหน่วยงาน ความพร้อมในการดำเนินงาน และขีดความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งจะต้องผลักดันให้มีการระดมทุนในรูปแบบใหม่ๆสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่ จะต้องดำเนินนโยบายอย่างมีวินัยการเงิน การคลัง การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่ควรนำนโยบายประชานิยมต่างๆ ที่จะสร้างภาระทางการคลังในระยะยาวมาใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติการคลังในอนาคตอันใกล้