“บีเจซี”ทุ่มกว่า1พันล้าน  ขยายรง.ผลิตขวดแก้วรับเทรนด์โลก

“บีเจซี” ทุ่มงบกว่า 1 พันล้านบาท ขยายฐานการผลิตขวดแก้วสระบุรีเพิ่มและพัฒนาศูนย์วิจัย รองรับลูกค้าพรีเมี่ยมและเทรนด์โลกที่ตื่นตัวลดใช้พลาสติก เผยรายได้ปีที่แล้วโกยกว่า 2 หมื่นล้านบาท

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทได้เตรียมงบประมาณการลงทุนเพื่อพัฒนาศูนย์วิจัยและขยายกำลังการผลิตใหม่กว่า 1 พันล้านบาท หลังจากที่ในช่วง 3 ปีก่อนได้มีการลงทุนเทคโนโลยีการผลิตและอื่นๆรวมแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท อีกทั้งล่าสุดได้ขยายโรงงานการผลิตขวดแก้วที่จังหวัดสระบุรีเพิ่ม ขนาดพื้นที่ 97 ไร่ ซึ่งเป็นเตาหลอมแก้วโรงผลิตที่ 5 โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,100 ตันต่อวัน

ปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการผลิตภัณฑ์รูปแบบขวดแก้วมากขึ้น ซึ่งแก้วที่ต้องการต้องเป็นคุณภาพพรีเมี่ยมซึ่งไม่ใช่แค่ผู้บริโภคในอาเซียนเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเทรนด์ของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นทั่วโลก อาทิ ผู้บริโภคกลุ่มประเทศยุโรป และอเมริกา เป็นต้น ขณะที่แนวโน้มการใช้บรรจุภัณฑ์รูปแบบพลาสติกเริ่มลดลง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ดังนั้นบรรจุภัณฑ์รูปแบบขวดแก้วจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง และบริษัทยังคงมุ่งเน้นการผลิตขวดแก้วเช่นเดิม รวมทั้งมุ่งหาลูกค้านอกเครือบริษัทให้มากขึ้น เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันตลาดขวดแก้วในไทยมีมูลค่าราว 2.5 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตกว่า 4-5% ขณะเดียวกันในด้านปริมาณบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วของผู้บริโภคทั้งอาเซียนอยู่ที่ 3 ล้านตันต่อปี และในประเทศไทย 2 ล้านตันต่อปี

ทั้งนี้ในด้านการเติบโตของขวดแก้วในอาเซียน มาจากการพัฒนาสินค้าใหม่จากความต้องการของผู้บริโภคที่รู้สึกว่าบรรจุภัณฑ์ที่เป็นรูปแบบขวดแก้วมีความสวยงามและพรีเมี่ยมกว่าบรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติก นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยการรียูสขวดแก้วที่ใช้แล้วนำกลับมาหลอมใหม่โดยมีสัดส่วนกว่า 85% ที่มีการนำเศษแก้วมาหลอมรวมใหม่ ขณะที่ในด้านกำลังการผลิตในไทยของบริษัทเฉลี่ย 3,400 ตันต่อวัน และในอาเซียน อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย 4,350 ตันต่อวัน 
อีกทั้งในด้านรายได้ของปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์จากขวดแก้ว 12,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตจากปีก่อน 8% และ กระป๋อง 8,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 6-7%