“เอสซีจี”ทุ่ม 7,000 ล้านขยายลงทุนแพคเกจจิ้งตปท.  ตั้งเป้ารายได้แพคเกจจิ้งปีนี้โต5-7%

21 มี.ค. 2562 | 09:27 น.

 

    นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจแพคเกจจิ้ง เอสซีจี เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ธุรกิจแพคเกจจิ้งปีนี้โต 5-7% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 8.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเติบโตตามตัวเลขจีดีพี รวมทั้งการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสำหรับการขยายกำลังการผลิตที่ฟิลิปปินส์ เพิ่มอีก 2.3 แสนตันต่อปี จากปัจจุบัน 2 แสนตันต่อปี รวมเป็นกว่า 4 แสนตัน คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปีหน้า ขณะที่ในเวียดนามอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายกำลังการผลิตเช่นกัน คาดว่ายังมีโอกาสเพิ่มอีก 2 หมื่นตันต่อปี

“เอสซีจี”ทุ่ม 7,000 ล้านขยายลงทุนแพคเกจจิ้งตปท.  ตั้งเป้ารายได้แพคเกจจิ้งปีนี้โต5-7%

ธนวงษ์ อารีรัชชกุล

“เอสซีจี”ทุ่ม 7,000 ล้านขยายลงทุนแพคเกจจิ้งตปท.  ตั้งเป้ารายได้แพคเกจจิ้งปีนี้โต5-7%

     นอกจากนี้ยังศึกษาโอกาสขยายลงทุนในอาเซียนเพิ่มขึ้นด้วย  สำหรับเงินลงทุนในธุรกิจแพคเกจจิ้งปีนี้ ตั้งไว้ที่ 7 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนในฟิลิปินส์ 5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือใข้สำหรับขยายลงทุนในเวียดนาม และการปรับปรุงระบบ ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวยังไม่รวม M&A

 

    "ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตรวมอยู่ที่ 2.5 ล้านตันต่อปี นับว่าเป็นรายใหญ่สุดในอาเซียน ในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-7% จากปีก่อน"

สำหรับ 3 กลยุทธ์หลักที่ธุรกิจแพคเกจจิ้ง เอสซีจี ใช้รับมือกับโอกาสและความท้าทายในการดำเนินธุรกิจให้ไปถึงเป้าหมาย ได้แก่ การสร้างการเติบโตของธุรกิจด้วยการขยายฐานการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยในช่วงปี 22560-2561 ธุรกิจแพคเกจจิ้ง เอสซีจี ได้ลงทุนเพิ่มฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์และงานพิมพ์คุณภาพสูงและฐานการผลิต Rigid Plastic Packaging ในประเทศไทย ฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษในอินโดนีเซีย และฐานการผลิต Food Packaging ในมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังขยายฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัย แบรนด์ Fest อีก 2 โรงงาน ซึ่งปีนี้ บริษัทฯ จะยังคงมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างความเติบโตให้กับกลุ่มธุรกิจ เพื่อให้มีฐานการผลิต บรรจุภัณฑ์ครอบคลุมทั่วประเทศและภูมิภาคอาเซียนในการสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจของลูกค้า และสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตสินค้าต่าง ๆ ให้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและบริการที่เป็นเลิศอยู่เสมอ

กลยุทธ์ต่อมาคือ การสร้างสรรค์นวัตกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งวิจัยและพัฒนาสินค้าให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้สอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้พัฒนากระบวนการผลิตตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน เช่น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ Value Chain อย่างมีประสิทธิภาพ (Data Visibility) และการใช้เทคโนโลยี MARs (Mechanization, Automation, Robotics) ที่ช่วยปรับกระบวนการผลิตในโรงงานให้เป็น Smart Factory อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีไปใช้สนับสนุนการทำงานระหว่างเอสซีจีกับลูกค้า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็ว แม่นยำ และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

การดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ภายใต้แนวปฏิบัติ SCG Circular Way ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด ใช้ให้น้อย ใช้ให้นาน หรือนำกลับมาใช้ซ้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นอีกกลยุทธ์ที่ธุรกิจแพคเกจจิ้ง เอสซีจี ให้ความสำคัญ ด้วยการพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ทั้งกระดาษและพลาสติกให้ใช้งานง่าย โดยใช้ทรัพยากรน้อย แต่ยังคงทนแข็งแรง และสามารถนำกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตซ้ำได้ครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บขยะกระดาษและพลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยใช้เครือข่ายโรงงานอัดเศษกระดาษในการเก็บขยะพลาสติกเพื่อนำมาผลิตซ้ำ และการร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บขยะ ตลอดจนการร่วมผลักดัน ให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้บรรจุภัณฑ์และการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์หลังใช้งานแล้ว และการเข้าร่วมเป็นสมาชิก CEFLEX (A Circular Economy for Flexible Packaging) ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลก

“เอสซีจี”ทุ่ม 7,000 ล้านขยายลงทุนแพคเกจจิ้งตปท.  ตั้งเป้ารายได้แพคเกจจิ้งปีนี้โต5-7%