ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 141.71 จุด หรือลด 0.55% ปิดที่ 25,745.67 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 8.34 จุด หรือลด 0.29% ปิดที่ 2,824.23 จุด สวนทางกับดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 5.02 จุด หรือเพิ่ม 0.07% ปิดที่ 7,728.97 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบตามทิศทางหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จากเดิมที่ระบุในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้เฟดระบุว่าไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ยกเว้นสถานการณ์จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ส่งสัญญาณว่าในปี 2563 เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากที่ระบุไว้ในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว นอกจากนี้ในแถลงการณ์เฟดระบุว่า เฟดจะชะลอการปรับลดงบดุลในเดือนพ.ค. จากระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน เหลือเพียง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ก่อนที่จะยุติการปรับลดงบดุลในเดือนก.ย.
โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 3.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 2.09% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 2.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 2.06% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปิดลดลง 0.03% สวนทางกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นซึ่งช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก