'เนสท์เล่' เจาะตลาดคนรักสุขภาพ ดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดน้ำตาลรับเทรนด์ผู้บริโภคไทย
‘เนสท์เล่’ ดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดน้ำตาลสอดรับเทรนด์ผู้บริโภคไทยเจาะตลาดคนรักสุขภาพ ตั้งเป้าสิ้นปีเติบโต 3.5% ล่าสุดทุ่มงบ 85 ล้านบาทชู บิ๊กแคมเปญ เนสท์เล่ คนไทยแข็งแรง
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับสุขภาพและคุณภาพชีวิต พบว่า ผู้บริโภค 92% มีความคิดว่าตนเองมีสุขภาพดี แต่ในความเป็นจริงแล้วมีจำนวนกว่า 53% มีน้ำหนักตัวเกิน พร้อมทั้งเชื่อว่าการจะมีสุขภาพที่ดีต้องมีเงิน มีเวลา และวินัยในตัวเอง ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาหลังจากบริษัทออกผลิตภัณฑ์ไมโล สูตรน้ำตาลน้อย หรือกาแฟอเมริกาโน่ มียอดขายเพิ่มขึ้น ดังนั้นในปีนี้บริษัทจะทยอยออกกลุ่มสินค้าใหม่เพื่อคนรักสุขภาพเพิ่มเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน พร้อมทั้งวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพเพิ่มเป็น 50% ของรายได้กลุ่มจากปัจจุบันมีสัดส่วนราว 30%
“ที่ผ่านมาตลาดอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย มีมูลค่า 104,000 ล้านบาท เติบโต 1.9% โดยเนสท์เล่เองมีการเติบโต 3.1% ซึ่งสูงกว่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มรวม และได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในการเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นทางเลือกสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ระดับโลก อาทิ เนสกาแฟ ไมโล และ ตราหมี เป็นต้น พร้อมทั้งในปีนี้บริษัทคาดจะมีรายได้เติบโต 3.5%”
ด้านนางสาวสมฤดี บุญให้เจริญ ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารและบริการทางการตลาด บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ใช้งบประมาณสำหรับแคมเปญ เนสท์เล่ คนไทยแข็งแรง กว่า 85 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด กู๊ดฟู้ด กู๊ดไลฟ์ (Good Food, Good Life) ให้เข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น ส่งเสริมให้คนไทยใช้ชีวิตดีๆ เริ่มง่ายๆ ด้วย 3 อ ได้แก่ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ เพื่อสนับสนุนนโยบายด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี ตลอดจนสร้างเสริมโครงการให้ความรู้ด้านสุขภาพและโภชนาการ
“แคมเปญนี้นับเป็นอีกก้าวหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นประเทศที่แข็งแรงด้วยการส่งเสริมสุขภาพของคนไทย ด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งมีแคมเปญการสื่อสารในหลากหลายรูปแบบ เช่น เว็บฟิล์ม 3 ตอนที่นำรูปแบบรายการขายตรงโฮมช้อปปิ้งเข้ามาสื่อสารกับผู้บริโภค รวมทั้งจับมืออินฟูลเอนเซอร์ในสื่อสังคมออนไลน์โปรโมทกิจกรรม 3 อ”