"สินค้าเกษตร" เฮ! 'พาณิชย์' เผย FTA ดันมูลค่าส่งออกปี 61 โตขึ้นกว่า 245%

19 มี.ค. 2562 | 08:31 น.

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรไทยในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีความตกลงค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการส่งออก สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ปัจจุบัน ไทยมีความตกลงเอฟทีเอแล้ว 13 ฉบับ กับ 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน  ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู และชิลี ซึ่งไทยประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ประเทศคู่เจรจาลดเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรที่ส่งออกจากประเทศไทย ทำให้สินค้าเกษตรของไทยที่ส่งออกไปขายในประเทศคู่ค้าเอฟทีเอได้เปรียบคู่แข่งขัน และมีส่วนช่วยให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย กลุ่มกสิกรรม ปศุสัตว์ และประมง (ไม่รวมสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร) เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

 

"สินค้าเกษตร" เฮ! 'พาณิชย์' เผย FTA ดันมูลค่าส่งออกปี 61 โตขึ้นกว่า 245%

⇲ อรมน ทรัพย์ทวีธรรม

 

โดยในปี 2535 ซึ่งเป็นปีก่อนที่ความตกลงเอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับอาเซียน หรือ อาฟต้า มีผลบังคับใช้ ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปสู่ตลาดโลกราว 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ ปี 2561 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลกกว่า 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวขึ้นถึง 245% นับจากความตกลงเอฟทีเอของอาเซียนมีผลใช้บังคับ โดยเป็นมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรจากไทยไปยังประเทศคู่เจรจา 17 ประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย 14.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 64% ของการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยทั้งหมด โดยมีประเทศคู่ค้าสำคัญ 3 อันดับแรก คือ จีน อาเซียน และญี่ปุ่น โดยไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนเป็นอันดับที่ 1 มูลค่ากว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวกว่า 738% เมื่อเทียบกับปี 2545 ก่อนที่จีนจะเริ่มลดภาษีสินค้าเกษตรให้ไทย

สำหรับอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอันดับที่ 2 ไทยส่งออกไปมูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวกว่า 667% เมื่อเทียบกับปี 2535 ก่อนที่อาเซียนจะเริ่มลดภาษีสินค้าเกษตร และญี่ปุ่นเป็นตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยอันดับที่ 3 ซึ่งไทยส่งออกมูลค่ากว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวกว่า 31% เมื่อเทียบกับปี 2549 ก่อนที่ญี่ปุ่นจะลดภาษีสินค้าเกษตร โดยสินค้าเกษตรที่ไทยใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกอันดับต้น ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ผลไม้สดและแปรรูป ไก่สดแช่แข็ง เป็นต้น

ทั้งนี้ ความตกลงเอฟทีเอที่ไทยอยู่ระหว่างการเจรจา ในปี 2561 ไทยมีการค้าสินค้าเกษตรกับสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) 16 ประเทศ เป็นมูลค่า 14,705 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ, การค้ากับสมาชิกความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (บีมสเทค) 7 ประเทศ เป็นมูลค่า 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, การค้ากับตุรกี มูลค่า 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, การค้ากับปากีสถาน มูลค่า 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการค้ากับศรีลังกา มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ไทยยังมีแผนเจรจาเอฟทีเอในอนาคตกับกลุ่มประเทศที่ไทยมีมูลค่าการค้าสูง เช่น สหภาพยุโรป (EU) ที่ในปี 2561 ไทยมีการค้าสินค้าเกษตรด้วย เป็นมูลค่า 2,236 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ, สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) มูลค่า 43 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ และสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) มูลค่า 68 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ไทยจะสามารถขยายตลาดใหม่ สร้างความได้เปรียบและโอกาสในการค้าให้สินค้าเกษตรของไทย และจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของไทยในภาพรวมยิ่งขึ้น

"ปัจจุบันมีเกษตรกรไทยจำนวนมากที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาสินค้าเกษตรไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศ อยากชวนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยใช้สิทธิประโยชน์ที่ไทยได้รับจากประเทศคู่เอฟทีเอ ลดภาษีศุลกากรให้กับสินค้าเกษตรส่งออกจากไทยให้เต็มที่ โดยกรมพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงเอฟทีเอ กฎระเบียบทางการค้า มาตรการทางภาษี และมาตรการที่มิใช่ภาษี"

"สินค้าเกษตร" เฮ! 'พาณิชย์' เผย FTA ดันมูลค่าส่งออกปี 61 โตขึ้นกว่า 245%