ป.ป.ช. แก้ข่าวช่วย "คดีปาล์มอินโดฯ" ยัน! ทำตาม ก.ม.

15 มี.ค. 2562 | 09:26 น.

วันนี้ (15 มี.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชน ว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งรับฟ้องไว้พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อท.1/2562 โดยโจทก์ยื่นฟ้องผู้บริหารรายหนึ่งของ บริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. มีส่วนรู้เห็นให้ผู้ถูกฟ้องที่ 1 นำเงินหรือทรัพย์สินไปติดสินบนกับพยานรายหนึ่งที่อินโดนีเซีย เพื่อให้ถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดีทุจริตปาล์มน้ำมันอินโดฯ ซึ่งเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จนั้น

สำนักงาน ป.ป.ช. ขอชี้แจงว่า การเดินทางไปสอบพยานบุคคลที่ประเทศอินโดนีเซียของกรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏเป็นข่าวดังกล่าว เป็นกรณีการขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาจากประเทศอินโดนีเซียในเรื่องกล่าวหาทุจริตข้ามชาติ ซึ่งได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด ตามพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีผู้แทนจากกระทรวงกฎหมายและสิทธิมนุษยชนแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียในฐานะผู้ประสานงานกลางของประเทศอินโดนีเซีย และผู้แทนจากหน่วยงานต่อต้านการทุจริตของประเทศอินโดนีเซีย (Komisi Pemberantasan Korups : KPK) ดำเนินการสอบพยานบุคคลตามคำร้องขอฯ

ทั้งนี้ ในการสอบพยานดังกล่าวกรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น โดยมีผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย จึงไม่มีเหตุที่กรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จะกระทำการตามที่ปรากฏเป็นข่าว

นอกจากนี้ กรณีปรากฏเป็นข่าวว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ได้รับคำฟ้องเรื่องดังกล่าวนั้น ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เป็นการรับคำฟ้องไว้ทางธุรการเท่านั้น โดยศาลยังไม่ได้ประทับรับฟ้องตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด
 

ทั้งนี้ คดีนี้สืบเนื่องจากการที่ นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองผู้จัดการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ในฐานะ ผอ.โครงการพัฒนาธุรกิจน้ำมันปาล์ม ในโครงการจัดหาที่ดินเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย ของ บริษัท พีทีที.กรีน เอเนอร์ยี่ฯ (PTT.GE) ได้ยื่นฟ้อง นางรสยา เธียรวรรณ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ PTT.GE และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ว่า เมื่อเดือน ส.ค. 2560 นางสาวสุภา ปิยะจิตติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้ร่วมปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ (นายนิพิฐ) โดย นางสาวสุภา ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีที่โจทก์ถูกกล่าวหาและเป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปสอบข้อเท็จจริงที่อินโดนีเซีย พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้กระทำเป็นกระบวนการ หรือ สนับสนุน ให้นางรสยานำถุงสินบนไปให้ นายเบอร์ฮันนุดดิน ผู้ร่วมลงทุนโครงการพีทีเคพีไอ เพื่อจูงใจให้นายเบอร์ฮันนุดดินให้ถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริง

นางสาวสุภาและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ร่วมเดินทางไปอินโดนีเซียกับนางรสยา จึงมีส่วนรู้เห็นกับนางรสยานำเงินหรือทรัพย์สินไปติดสินบนพยาน เพื่อชี้นำให้พยานให้ถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างพยานหลักฐานเท็จใส่ร้ายโจทก์ ก่อนที่นางสาวสุภาผู้รับผิดชอบสำนวนและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จะเข้าสอบสวนนายเบอร์ฮันนุดดิน 2 วัน การเดินทางไปสอบสวนข้อเท็จจริงนายเบอร์ฮันนุดดินที่อินโดนีเซียได้รับรู้รับทราบเป็นอย่างดี ว่า นางรสยาเป็นผู้ถูกกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคดีอาญา ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์โดยตรงกับคดีทุจริตปาล์มน้ำมันอินโดนีเซีย ยังทราบว่า นางรสยาถูกโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางหลายคดี ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปลอมเอกสาร แจ้งความเท็จ

ดังนั้น การให้ นางรสยา ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. และเป็นจำเลยคดีอาญาหลายคดี มีส่วนเกี่ยวข้องในการสอบสวนพยานและเดินทางไปอินโดนีเซียช่วงเดียวกันกับคณะสอบสวนข้อเท็จจริง และช่วยเหลือให้ผู้กระทำความผิดไม่ให้ต้องรับโทษ และช่วยเหลือโดยตรงแก่นางรสยากับพวก ในการสร้างพยานหลักฐานเท็จในอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ส่งคำถามล่วงหน้าให้นายเบอร์ฮันนุดดินผ่านหน่วยงาน KPK (ป.ป.ช. ประเทศอินโดนีเซีย) เพื่อให้พยานตอบคำถามหลายคำถาม รวมทั้งต่อมาเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2560 นางสาวสุภาและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้พิมพ์คำตอบหรือคำให้การที่นายเบอร์ฮันนุดดินให้การไว้เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้นายเบอร์ฮันนุดดินลงนาม แต่นายเบอร์ฮันนุดดินไม่ยอมลงลายมือชื่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. มาพบนายเบอร์ฮันนุดดินอีก 2 ครั้ง ให้ลงลายมือชื่อในเอกสาร
 

ขณะที่ "คดีปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย" นี้ อยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งมี นางสาวสุภา กรรมการป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบ เกิดขึ้นจากที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้ง บริษัท พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ หรือ PTT.GE ลงทุนโครงการปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย ต่อมามีการตรวจสอบพบว่า ไม่โปร่งใส และมีการจ่ายค่านายหน้าที่ดินแพงเกินจริง ขณะที่ ผลสอบของผู้สอบบัญชีระดับโลก ระบุว่า มีผู้บริหารระดับสูงของ ปตท. รู้เห็น และมีการโอนเงินเข้าบัญชีคนไทยจำนวนหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนายนิพิฐได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เพื่อคัดค้านและขอเปลี่ยนตัวนางสาวสุภา ผู้รับผิดชอบสำนวนต่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมแล้ว 16 ครั้ง

ป.ป.ช. แก้ข่าวช่วย "คดีปาล์มอินโดฯ" ยัน! ทำตาม ก.ม.