“สมคิด”หนุนเร่งเพิ่มศักยภาพท่าเรือ สั่งเดินหน้าแผนพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์

14 มี.ค. 2562 | 09:42 น.

รองนายกสมคิดฯหนุนกทท.เร่งสร้างมูลค่าจากสินทรัพย์ พัฒนาท่าเรือให้ทันสมัยครบวงจรเร่งอีก 3 ปีข้างหน้าพัฒนาเป็นระบบ AI ด้านผอ.การท่าเรือคนใหม่ยันพร้อมเร่งสานต่อ เผยประมูลแหลมฉบังเฟส 3 ได้ตัวผู้รับจ้าง 11 เม.ย.นี้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังพร้อมด้วยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางตรวจเยี่ยมกิจการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และรับฟังความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาที่สำคัญโอกาสเดียวกันนี้ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานภายในเขตรั้วศุลกากร กทท. ด้วย

“สมคิด”หนุนเร่งเพิ่มศักยภาพท่าเรือ สั่งเดินหน้าแผนพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์

ในการนี้ ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการ กทท. ได้บรรยายสรุปผลการดำเนินการตั้งแต่ปี 2559-2562 (คาดการณ์ทั้งปี) ทั้งปริมาณเรือเทียบท่า ตู้สินค้า และปริมาณสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาที่สำคัญ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3 การดำเนินการตาม พ.ร.บ. ร่วมทุน ปี 2556 ท่าเทียบเรือ B2 B3 B4, การพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพฝั่งตะวันตก (Smart Port) การปรับปรุงและพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G, แผนการพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่ (บริหารสินทรัพย์), โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของชาวชุมชนโดยรอบ กทท. (Smart Community),โครงการเชื่อมโยง Data Logistic Chain ด้วยระบบ Port Community System, แผนการพัฒนาท่าเรือระนอง และโครงการพัฒนาการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าในกรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศ BIMSTEC

 

 

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจฝ่ายบริหารและแนวคิดในการพัฒนา 3 โครงการใหญ่ให้กับ กทท. ซึ่งเริ่มที่การบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าสูงสุด โดยศึกษาแนวทางการพัฒนาจากท่าเรือปูซาน ซึ่งเป็นทั้งท่าเทียบเรือ แหล่งท่องเที่ยว และคอมมูนิตี้คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ รวมทั้งการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพที่มีทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง โดยให้ฝ่ายบริหารหาแนวทางพัฒนาโครงการต่างๆ และวางเป้าหมายให้เป็นระบบ ครบวงจร หากทำได้จะก่อให้เกิดประโยชน์มูลค่ามหาศาลกับองค์กรและประเทศชาติ 

“การตรวจเยี่ยมเพื่อต้องการให้การท่าเรือฯ เดินหน้าโครงการต่างๆ ต่อไป ไม่ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ แต่ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส พร้อมทั้งกระตุ้นให้ผู้บริหารการท่าเรือฯ กล้าคิดและตัดสินใจที่จะใช้ทรัพย์สินของการท่าเรือฯ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศ มาพัฒนาเพื่อเพิ่มรายได้ขององค์กรให้มากขึ้น ซึ่งการท่าเรือฯ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีหนี้สิน”

ทั้งนี้ในส่วนการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 ควรมีแนวร่วม (Consortium) กลุ่มทุนด้านโลจิสติส์จากต่างประเทศมาร่วมด้วย เนื่องจากเป็นโครงการทุกประเทศยอมรับและผลักดันให้เกิด และเมื่อได้บริษัทที่ผ่านการประมูลรอบสองในเดือนเมษายนนี้แล้ว ขอให้การดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความราบรื่นและทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส 

“สมคิด”หนุนเร่งเพิ่มศักยภาพท่าเรือ สั่งเดินหน้าแผนพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์

“การก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3 เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ เพื่อให้สนับสนุน EEC และอยากให้ผู้ที่ชนะการประมูลโครงการดังกล่าวนี้ เป็นการร่วมทุนระหว่างเอกชนไทยและต่างประเทศ ส่วนการดำเนินการบริหารท่าเรือแหลมฉบังเดิม คือ ท่าเทียบเรือ B2 B3 และ B4 ขณะที่รอการดำเนินการตามพ.ร.บ. ร่วมทุนฯ ปี 2556 นั้น ให้หารือกับกระทรวงคมนาคมว่า ในระยะก่อนได้ภาคเอกชนมาบริหาร ควรจะจ้างเอกชน หรือให้เอกชนเช่าดำเนินการตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร. ) แนะนำ”

สำหรับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของชาวชุมชนโดยรอบ กทท. (Smart Community) ได้เร่งให้เริ่มก่อสร้างภายในปี 2563 โดยต้องมีเป้าหมายให้ชาวชุมชนอยู่สบาย สามารถใช้ชีวิตและประกอบอาชีพได้ตามปกติ อาจจะไม่ต้องหรูหรามาก แต่อยู่แล้วสบายใจ คิดว่าชาวชุมชนทุกคนน่าจะเห็นด้วยและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยให้เป็น Smart Community อยากให้ดึงธนาคารอาคารสงเคราะห์เข้ามาร่วม และให้เอกชนที่ชนะการประมูลต้องจัดสรรที่อยู่อาศัยให้ประชาชนในชุมชนคลองเตยด้วย อีกทั้ง ควรเร่งก่อสร้างโครงการให้เร็วขึ้นจากปี 2564 เป็นปี 2563”

    ส่วนแผนการพัฒนาท่าเรือระนอง (ทรน.) อยากให้เป็นโครงการที่เร่งด่วน เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าทางเรือจากจีน ในเบื้องต้นให้พัฒนาเป็นสองระยะ โดยระยะแรกพัฒนา ทรน. ให้ทันสมัยเชื่อมโยงรถไฟรางคู่ที่ชุมพร ระยะที่สอง ให้พิจารณาบริเวณทะเลน้ำลึกทางใต้ ทรน. ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้พัฒนาบุคลากรควบคู่ไปกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยกล่าวว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าระบบทุกอย่างจะขับเคลื่อนด้วย AI จึงแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเพื่อพัฒนาระบบต่างๆของ กทท. ให้ทัดเทียมท่าเรือชั้นนำระดับโล

“ท่าเรือระนองจำเป็นต้องเกิดเพื่อพัฒนาสู่ประเทศในแถบอันดามัน และเชื่อมโยงไปสู่ภาคใต้ และเร่งดำเนินการโครงการออกเป็นระยะ เพื่อความชัดเจน รวมถึงการพัฒนาท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ จะต้องปรับปรุงเพื่อรองรับจำนวนเรือที่จะเพิ่มขึ้น”

“สมคิด”หนุนเร่งเพิ่มศักยภาพท่าเรือ สั่งเดินหน้าแผนพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์