"ลุงตู่" สั่งพับเมกะโปรเจ็กต์ ทช. 3 หมื่นล้าน แต่งตัวรอรัฐบาลใหม่เคาะลงทุน
สั่งพับเมกะโปรเจ็กต์ ทช. 3 หมื่นล้าน สะพานสนามบินน้ำ เชื่อมถนนกาญจนาภิเษก-วิภาวดี หลังติดปมขัดแย้งเวนคืนที่ชาวบ้าน ด้าน ทช. ยังเดินหน้าลุยอีไอเอสะพานโกลเด้นเกท 5 หมื่นล้าน เชื่อมอ่าวไทย แต่งตัวรอรัฐบาลใหม่เคาะลงทุน
แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการลงทุนก่อสร้างสะพานสนามบินน้ำ เชื่อมถนนกาญจนาภิเษก-วิภาวดี วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท หลังจากได้ชะลอผลศึกษาออกไปเพื่อรับฟังเสียงของชาวบ้านในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า คนในพื้นที่ส่วนใหญ่มีเสียงคัดค้านถึงโครงการดังกล่าว ทั้งด้านความคุ้มค่าและแก้ไขปัญหาจราจรได้จริงหรือไม่ ตลอดจนเรื่องการเวนคืนพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวชุมชนจำนวนมาก ไม่สอดคล้องกับนโยบายนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้เน้นพัฒนาโครงข่ายถนน โดยใช้พื้นที่เวนคืนน้อยที่สุดเพื่อลดต้นทุนโครงการ
"ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และฝ่ายบริหาร ทช. จึงได้สั่งให้ยุติแผนศึกษาดังกล่าวไว้ เพื่อป้องกันความขัดแย้งในพื้นที่ พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาจราจรด้วยการลงทุนรูปแบบอื่น เช่น รถไฟรางเบา หรือ รถขนส่งสาธารณะ เพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งหลักอย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพูและสายสีเหลือง"
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ส่วนด้านความคืบหน้าโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาและถนนเชื่อมต่อบริเวณ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ-สมุทรสาคร หรือ โกลเด้นเกท ระยะทาง 59 กม. วงเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้ ได้ข้อสรุปเรื่องข้อพิพาทการใช้พื้นที่เป็นจุดเริ่มต้นโครงการแล้ว โดยจะยึดแนวเส้นทางเดิม คือ เริ่มต้นบริเวณ ถนนพระราม 2 กม.ที่ 37
"ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณา หากได้รับความเห็นชอบจะเดินหน้าเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ผู้บริหารของรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาเห็นชอบเพื่อเปิดประมูลและก่อสร้างต่อไป"
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมีแนวเส้นทางจะตัดผ่านแม่น้ำสำคัญ 2 สาย ได้แก่ แม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่เป็นทั้งโครงข่ายการคมนาคมเชื่อมการเดินทางและแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงเป็นโครงข่ายเชื่อมการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์จากนิคมภาคตะวันออกและท่าเรือแหลมฉบังไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในอนาคตอีกด้วย
