สังศิตโพลชี้! "บิ๊กตู่" ยังนำ 'มาร์ค' ที่ 2 เบียดแซง 'สุดารัตน์'

10 มี.ค. 2562 | 09:32 น.
รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้แถลงผลโพลล์ เรื่อง : คะแนนนิยมประชาชนที่มีต่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีและการเลือกตั้ง ส.ส.เขต เมื่อวันที่  5 มี.ค. 2562 การศึกษาใช้ประชากร 16,000 คน ตามโครงสร้างประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ จำแนกตามรายภาค เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ จำนวน 350 เขต ๆ ละ 400 คน ทั่วประเทศ จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. 2562 ศกนี้ ที่ 51.52 ล้านคน ผู้วิจัยประมาณการจำนวนผู้ที่จะออกมาใช้สิทธิอยู่ที่ 75% หรือประมาณ 38.65 ล้านคน ด้วยความเชื่อมั่น 95% ความคลาดเคลื่อน 5% การสำรวจปรากฏผลดังต่อไปนี้ คือ
 
สังศิตโพลชี้! "บิ๊กตู่" ยังนำ 'มาร์ค' ที่ 2 เบียดแซง 'สุดารัตน์'
สังศิตโพลชี้! "บิ๊กตู่" ยังนำ 'มาร์ค' ที่ 2 เบียดแซง 'สุดารัตน์'
 
1) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้รับคะแนนนิยมสูงสุด คือ 23.51%, อันดับ 2 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 17.67% พลิกขึ้นนำ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้เป็นครั้งแรก ที่ได้ 14.63%, อันดับ 4 นายอนุทิน ชาญวีรกุล พลิกกลับมาชนะ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยอนุทินได้ 8.29% และธนาธรได้ 7.52% สาเหตุที่คะแนนนิยมของ 5 อันดับแรก ลดลงเหมือนกันหมด เพราะคะแนนนิยมของบุคคลอื่น ๆ ที่เหลือรวมกันเพิ่มขึ้นมา
 
สังศิตโพลชี้! "บิ๊กตู่" ยังนำ 'มาร์ค' ที่ 2 เบียดแซง 'สุดารัตน์'

2) ตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่า คะแนนรวมของพรรคที่คาดว่าจะได้มากที่สุดตามลำดับ คือ 1) พลังประชารัฐ (พปชร.) 7.88 ล้านเสียง (คิดเป็น 20.38% ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 38.65 ล้านคน), 2) ประชาธิปัตย์ (ปชป.) 6.64 ล้านเสียง (17.18 %), 3) เพื่อไทย (พท.) 5.87 ล้านเสียง (15.19%), 4) ภูมิใจไทย (ภท.) 3.38 ล้านเสียง (8.75%), 5) อนาคตใหม่ (อนค.) 2.92 ล้านเสียง (7.55 %), 6) เสรีรวมไทย (สร.) 2.57 ล้านเสียง (6.65 %), 7) รวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) 2.46 ล้านเสียง (6.35 %), 8) ชาติไทยพัฒนา (ชท.) 1.8 ล้านเสียง (4.77%), 9) เพื่อชาติ (พช.) 1.49 ล้านเสียง (3.84%), 10) ชาติพัฒนา (ชพ.) 1.34 ล้านเสียง (3.46%), 11) ประชาชาติ (ปชช.) 1.20 ล้านเสียง (3.09%)

3) ในตารางที่ 2 ยังได้แสดงจำนวน ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และจำนวน ส.ส. รวมของ 10 พรรค ตามลำดับและคะแนน ดังนี้ คือ 1) พท. 128 ที่นั่ง, 2) พปชร. 100 ที่นั่ง, 3) ปชป. 86 ที่นั่ง, 4) ภท. 38 ที่นั่ง, 5) อนค. 29 ที่นั่ง, 6) สร. 25 ที่นั่ง, 7) รปช. 25 ที่นั่ง, 8) ชท. 19 ที่นั่ง, 9) พช. 15 ที่นั่ง, 10) ชพ. 13 ที่นั่ง, 11) ปชช. 12 ที่นั่ง และพรรคอื่น ๆ ที่เหลือรวมกันได้อีก 9 ที่นั่ง
 
4) ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากการสำรวจโพลล์คราวนี้ เนื่องจากยังมีปัจจัยและสาเหตุต่าง ๆ เป็นตัวกำหนด กล่าวคือ

1) จากคะแนนเสียงในเกือบทุกเขตเลือกตั้งยังมีโอกาสพลิกผันได้ เพราะเขตที่ชนะเลือกตั้งราว 75% ชนะกันไม่เกิน 5% ของคะแนนเสียง หรือ ชนะกันไม่เกิน 5,500 เสียง เขตที่ชนะกันเกิน 5% (เกิน 5,500 เสียง) มีราว 25% เท่านั้น ในเขตเหล่านี้ เขตที่ชนะเกิน 10% ขึ้นไป (เกิน 15,000 เสียง) มีประมาณ 10% เท่านั้น เพราะฉะนั้น เขตการเลือกตั้งส่วนใหญ่ ประมาณ 260 เขตทั้งประเทศ ยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก

2) จากการสำรวจพบว่า พปชร. ที่ได้คะแนนลำดับที่ 2 ของเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศ มี 200 เขต, พท. มี 63 เขต และ ปชป. 44 เขต ผู้สมัครของ พปชร. มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นอันดับ 1 ได้ เนื่องจากมีคะแนนที่ตามหลังผู้สมัคร พท. เป็นส่วนใหญ่ ระหว่าง 1–3% (คะแนนตั้งแต่หลักร้อยถึงไม่เกิน 3,500 คะแนน)

3) คะแนนเสียงของ พท. ในเขตเลือกตั้งมีความเป็นไปได้ที่อาจลดความร้อนแรงลงก่อนเลือกตั้ง เนื่องจากหาก พท. ได้ ส.ส.เขต ในระดับปัจจุบัน จะทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของ พท. ที่เป็นผู้บริหารพรรค ไม่ได้รับการเลือกตั้งเลย กรณีเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับ ปชป. เช่นเดียวกัน

4) การเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ภาคอีสานจะเป็นการขับเคี่ยวระหว่าง พท. กับ พปชร. เป็นหลัก 4 พรรคที่จะได้ ส.ส.เขต ที่อีสานมากตามลำดับ ในขณะนี้ คือ พท., พปชร., ภท. และ ปชป.

เช่นเดียวกับที่ภาคเหนือจะเป็นการต่อสู้ระหว่าง พท. กับ พปชร. พรรคที่สำรวจว่า น่าจะได้ที่นั่งมากที่สุดตามลำดับ คือ พท. พปชร. ปชป. และ ภท. ในขณะที่ พท. มีคะแนนนำ พปชร. +/- 5 ที่นั่ง

ภาคกลาง พปชร. จะชนะเด็ดขาด เหนือ พท. ปชป. และ ภท. ที่กรุงเทพฯ และภาคใต้ ปชป. จะได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ ที่กรุงเทพฯ พปชร. กับ พท. จะแย่งลำดับที่ 2 ที่ยังห่างจาก ปชป. ค่อนข้างมาก ส่วนภาคใต้ ปชป. จะได้เสียงข้างมากเกือบเด็ดขาด พปชร. และ รปช. จะได้ที่นั่งส่วนหนึ่ง

การเลือกตั้งครั้งนี้ มีโอกาสสูงที่ อดีต ส.ส.อาวุโส ในเขตภาคเหนือและภาคกลางจะสอบตก และอาจต้องประกาศเลิกเล่นการเมืองตลอดไป เนื่องจากมีนักการเมืองหนุ่มสาวที่เติบโตมาจากนักการเมืองท้องถิ่นลุกขึ้นมาท้าทายได้สำเร็จ

5) ผู้วิจัยประเมินว่า ผลการเลือกตั้งที่ พปชร. น่าจะได้ในวันที่ 24 มี.ค. ศกนี้ จะอยู่ระหว่าง 110–130 เสียง ส่วนเพื่อไทยจะได้ราว 100–110 เสียง พปชร. จะจับมือกับพรรคพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงระหว่าง 285–310 เสียง ส่วน พท. กับเครือข่ายพันธมิตรจะมีเสียงราว 180–190 เสียง
 
สังศิตโพลชี้! "บิ๊กตู่" ยังนำ 'มาร์ค' ที่ 2 เบียดแซง 'สุดารัตน์'