"ขุนคลัง" ยัน! มีกระสุนพอใช้เมื่อต้องการ

11 มี.ค. 2562 | 04:00 น.

'อภิศักดิ์' ยัน! เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ รับความผันผวนได้ ชี้! กระสุนมาตรการคลังไม่หมด แต่ไม่อยากยิง เหตุมารยาทช่วงเลือกตั้ง ลั่น! พร้อมใช้หากนโยบายการเงินไม่พอ ระบุ ช่วยคนพ้นจนแล้ว 50% แจงช่วยคนรายได้น้อยต้องใช้เวลา 2-3 ปี เตรียมถกเวทีอาเซียนเสนอแผน Universal QR Code สร้างระบบชำระเงินคิวอาร์โค้ดในภูมิภาค

ท่ามกลางกระแสการหาเสียงของพรรคการเมือง ด้วยนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ จากการใส่เม็ดเงินเข้าไปในระบบผ่านการประกันรายได้เกษตรประกันราคาพืชผล การใช้เงินอุดหนุนต้นทุนการผลิต หรือ การให้เงินกับผู้สูงอายุและเด็กแรกเกิดต่าง ๆ นั้น ก็เพื่อเป็นการซื้อใจจากประชาชนก่อนที่จะตัดสินใจไปหย่อนบัตรเลือกตั้งลงคะแนนในวันที่ 24 มี.ค. นี้ โดยเฉพาะวาทกรรม "รวยกระจุก จนกระจาย" ที่ดูเหมือนเกือบจะทุกพรรคหยิบยกมาใช้ในการโจมตีการทำงานของรัฐบาลปัจจุบัน
 

"ขุนคลัง" ยัน! มีกระสุนพอใช้เมื่อต้องการ


นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจค่อนข้างดี ทำให้ความเสี่ยงจากการถดถอยของเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย เนื่องจากรัฐบาลนี้ได้เติมมาตรการทางการคลังไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการลงทุนที่กระตุ้นผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่า 10% งบที่ลงทุนไปนั้นเปรียบเหมือนบริษัทลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ที่ให้กำไรสูง ซึ่งประเทศไทยกำลังทำแบบนี้และอีกส่วนให้กับคนจนที่ไม่มีผลตอบแทน แต่มีผลตอบแทนทางสังคม เพื่อให้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสามารถพัฒนาตัวเองได้

"คนที่มีรายได้ตํ่ากว่า 3 หมื่นบาทต่อปี พ้นความยากจนได้แล้วประมาณ 50% และคาดว่า ภายในเดือน มิ.ย. นี้ จะมีคนพ้นความยากจนเพิ่มขึ้นเป็น 70-80% ถือว่ารัฐบาลนี้ช่วยคนค่อนข้างมาก ซึ่งวาทกรรม "รวยกระจุก จนกระจาย" นั้น หากพูดในทฤษฎีอาจจะดูง่าย แต่ละบุคคลได้ทำหน้าที่อะไรบ้าง เช่น นักวิชาการบอกว่า ไทยมีความเหลื่อมลํ้า แต่จะทำอะไรเพื่อลดความเหลื่อมลํ้า เวลาใครจะคอมเมนต์อะไรก็ได้ แต่ถามว่า เขาได้ทำอะไรบ้าง ทุกคนต่างมีหน้าที่ แล้วหน้าที่ของตัวเองทำหรือยัง"

ทั้งนี้ ช่วงที่รัฐบาลเข้ามานั้น เปรียบเหมือนอยู่ในช่วงที่บริษัทกำลังจะเจ๊ง จะให้รัฐบาลขึ้นเงินเดือน หรือ ให้โบนัสไม่ได้ แต่รัฐบาลจะต้องทำให้บริษัทนั้นอยู่รอด ซึ่งการประคองให้บริษัทอยู่รอดและกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี และต้องทำให้บริษัทไม่ตกลงมาอีก
 

"ขุนคลัง" ยัน! มีกระสุนพอใช้เมื่อต้องการ


ส่วนทิศทางค่าเงินบาทและอัตราแลกเปลี่ยน นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตัดสินใจในข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้านมากกว่ากระทรวงการคลัง แต่โครงสร้าง ธปท. หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลงมติอะไรออกมา มักจะไม่ต้องรับผิดชอบในผลลัพธ์บางอย่าง เช่น กรณี ธปท. ขาดทุนจำนวนมาก คณะกรรมการ (บอร์ด) ธปท. ต้องรับผิดชอบ แต่ กนง. ไม่ต้องรับผิดชอบ แม้จะบอกว่าเพื่อทำให้เศรษฐกิจมั่นคง ซึ่งปัจจุบัน อยากรู้ว่า มีตรงไหนที่ยังไม่มั่นคง หรือ ต้องทำอะไรเพิ่มเติม

"ที่บอกว่า นโยบายดอกเบี้ยเสียงแตกนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา เวลาเขาตัดสินใจอะไรไป หากขาดอะไรก็เอานโยบายการคลังมาช่วยเสริม แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้มาก ไม่ใช่นโยบายการคลังทำไม่ได้ ยังทำได้ แต่ที่ไม่ทำ เพราะถือเป็นมารยาทช่วงนี้ ที่ต้องการให้คนดูแลภาพรวมมาดู ซึ่งหากประเทศไทยไม่ดีจริง กระสุนเรายังไม่หมด เพียงแต่ยังไม่อยากยิง"

อย่างไรก็ตาม ภายในเดือน เม.ย. นี้ กระทรวงการคลังจะผลักดันการใช้ระบบชำระเงินผ่าน QR Code ซึ่งจะเป็น Universal QR Code ที่ใช้มาตรฐานเดียวกันในภูมิภาคอาเซียน ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 23 ในวันที่ 3-5 เม.ย. นี้ เพื่อประโยชน์ของทุกคน เช่น คนกัมพูชามาใช้จ่ายในไทยและชำระเงินด้วย QR Code ระบบกลางก็จะตัดบัญชีในกัมพูชาที่ใช้บริการอยู่ เช่นเดียวกับคนไทย หากไปใช้จ่ายในกัมพูชา ระบบก็จะตัดบัญชีเงินฝากในไทย ไม่มีใครได้เปรียบใคร

"ที่ผ่านมา ได้พูดคุยไปแล้ว 3-4 ประเทศ เช่น กัมพูชา สิงคโปร์ สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ซึ่งทุกประเทศให้ความสนใจที่จะทำร่วมกัน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซึ่งไม่มีระบบชำระเงินเป็นของตัวเอง แต่ใช้ระบบเครือข่ายการชำระเงินของจีน ทำให้ข้อมูลทุกอย่างจะอยู่กับจีนทั้งหมด ซึ่งหากอาเซียนสามารถมีระบบการชำระเงินที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และทำให้เกิด Universal QR Code ใช้ในอาเซียนได้ ทุกคนจะ Win Win เพราะแม้แต่ในจีนเองยังไม่สามารถเป็นระบบเดียวกันได้ ยังคงแยกเป็น 2 ระบบ คือ Alipay และ WechatPay หากจะใช้จ่ายยังไม่สามารถใช้ข้ามระบบกันได้ยังต้องยิงระบบใครระบบมัน"

นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่า ระบบการรับโอนเงินรูปแบบใหม่ (Promptpay) ถือเป็นโครงสร้างสำคัญของระบบการชำระเงินที่เกิดขึ้นมาเมื่อ 3 ปีก่อน ส่งผลให้เกิดการต่อยอดมาสู่ QR Code และทำให้ธนาคารพาณิชย์ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินบนอิเล็กทรอนิกส์ จนทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศในอาเซียนที่ก้าวหน้าที่สุดในด้านการชำระเงิน ดังนั้น หากไทยสามารถผลักดัน QR Code ของไทย ไปสู่ Universal QR Code จะเป็นเรื่องที่ดีมาก

"เดือน เม.ย. นี้ เราจะเสนอเรื่อง Universal QR Code ในที่ประชุมอาเซียน เพราะที่ผ่านมา ได้คุยกับหลาย ๆ ประเทศเห็นชอบและอยากทำให้เกิดขึ้น เช่น อินโดนีเซีย ที่ใช้ระบบเพย์เมนต์ผ่านจีนหมด หากเราผลักดันให้เกิดการใช้อันเดียวในภูมิภาคอาเซียนจะทำให้ระบบการชำระเงินในภูมิภาคแข็งแรงและมีประสิทธิภาพ โดยที่ทุกคนได้ประโยชน์"

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,451 วันที่  10 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2562

"ขุนคลัง" ยัน! มีกระสุนพอใช้เมื่อต้องการ