BMWi8 Roadster สปอร์ต ปลั๊ก-อินไฮบริด13ล้าน...ใช้ยากแต่อยากได้
ผมชื่นชมในความกล้าคิด กล้าพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจกับโปรดักต์สายพันธุ์ใหม่ๆได้อยู่เสมอ ทว่ารุ่นที่ผมยกให้เป็นหนึ่งในผลงานระดับมาสเตอร์พีซของค่ายใบพัดสีฟ้าในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จะเป็นตัวไหนไม่ได้นอกจาก i8
2 ปีที่แล้วผมมีโอกาสได้ลอง i8 คูเป้ ราคาประมาณ 12 ล้านบาท ล่าสุดกับการเสริมตัวถัง “โรดสเตอร์” ที่บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำเข้ามาเปิดตัวในงาน BMW Xpo 2018 เดือนกันยายนปีที่แล้ว
ตระกูล i เป็นรถกลุ่มใหม่ของ บีเอ็มดับเบิลยู ที่แยกออกมาให้มีความชัดเจนว่าเป็นรถที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งช่วงแรกเห็นการทำตลาด 2 รุ่นคือ i3 รถพลังไฟฟ้า“อีวี”(แต่มีรุ่นขยายระยะทางวิ่ง ด้วยการเพิ่มเครื่องยนต์ขนาดเล็กเข้าไปช่วยปั่นไฟด้วย) และ i8 ที่มี 2 ตัวถังคือ คูเป้ กับโรดสตอร์เปิดหลังคาท้าฟ้าได้
ลองนึกภาพตามนะครับ 5-6 ปีที่แล้ว รถพลังไฟฟ้ายังไม่ได้ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางมากเท่าทุกวันนี้ แต่บีเอ็มดับเบิลยูลุยก่อนเลย ซึ่งโมเดลซิตีคาร์พลังไฟฟ้า i3 นั้นเข้าใจได้ ถูกฝาถูกตัวเหมาะแก่การใช้งานแน่นอน แต่ i8 นี้่น่าทึ่งสุดๆ กับการออกแบบให้เป็นรถทรงซูเปอร์คาร์ ประตูปีกนกแบบเปิดขึ้นด้านบน พร้อมระบบขับเคลื่อนปลั๊ก-อินไฮบริด วางเครื่องยนต์ไว้ขับเคลื่อนล้อหลัง และมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า (ทำงานพร้อมกันก็เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ) ขณะที่ชุดแพ็กแบตเตอรี่วางยาวอยู่กลางแพลตฟอร์ม(อยู่ใต้คอนโซลกลาง)
...แค่เลย์เอาต์ของรถ ก็เด็ดขาดบาดใจแล้ว และผมเคยให้ความเห็นไว้หลายครั้งแล้วกับ i8 ว่า รถทรงซูเปอร์คาร์พร้อมประตูปีกนกแบบนี้ ไม่มีใครขายราคา 12-13 ล้านบาทนะครับ อยากได้ไปเจอกัน 20-30 ล้านบาทโน่นเลย
ส่วนขุมพลังไม่ถึงกับดุดันเท่ากลุ่มซูเปอร์คาร์อยู่แล้ว หรืออยากได้สมรรถนะเร้าใจในสไตล์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ราคานี้ มีสปอร์ตคาร์ชั้นดีอยู่ในตลาดเพียบ ทั้งกลุ่มเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และปอร์เช่ 911 (หรือของบีเอ็มดับเบิลยูเองก็มี ซีรีส์ 8 กับ M5)
ดังนั้น i8 จึงเป็นรถที่มีความเฉพาะตัวมากๆ กับกำลังสูงสุดเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน 374 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.6 วินาที อยากได้อารมณ์แบบกระชากหลังติดเบาะก็มีให้ เพราะในโหมดไฮบริดคุณผลักคันเกียร์ไปด้านซ้ายรถจะเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ต ปรับการตอบสนองของระบบขับเคลื่อน และการควบคุม ทั้งยังแต่งเสียงท่อ เสียงเครื่องยนต์ให้เร้าใจเข้ามากระตุ้นโสตประสาทคนขับ
จริงๆระยะทางในโหมด MAX eDrive ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้ง สภาพการจราจร อุณหภูมิภายนอก ระบบเครื่องปรับอากาศ ความเร็วที่เราใช้
บีเอ็มดับเบิลยู i8 ในรุ่นโรดสเตอร์ จะเหลือเพียง 2 ที่นั่ง (รุ่นคูเป้ 2+2 ซึ่งเบาะนั่งด้านหลังแคบนิดเดียว แต่ผมเคยเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใส่เข้าไปในตำแหน่งนี้ได้) เลือกใช้ชุดหลังคาผ้าใบกางออก-พับเก็บด้วยระบบไฟฟ้าในเวลา 15 วินาที กินพื้นที่ไม่เยอะครับ และเครื่องยนต์ 3 สูบ วางกลางลำ พอจะเหลือพื้นที่ให้เก็บสัมภาระอยู่บ้าง ทั้งบริเวณหลังเบาะคนขับ และช่องเก็บของใต้ฝากระโปรงหลังใส่กระเป๋าเดินทางขนาดเล็กหรือเคบินไซซ์ได้
ด้วยทรงรถสปอร์ตแบบซูเปอร์คาร์ ยังแลกมาด้วยการเข้าออกที่ลำบาก และทัศนวิสัยการขับขี่ที่จำกัด จากตัวรถเตี้ย ขณะเดียวกันการเป็นรถโรดสเตอร์เปิดหลังคา วิศวกรต้องออกแบบเสาเอพิลลาร์ให้แข็งแกร่ง และเหมือนจะใหญ่กว่ารุ่นคูเป้เล็กน้อย ตรงนี้มีผลเรื่องการมองเห็นของสภาพการจราจรด้านหน้า เช่นเดียวกับมุมม้องย้อนผ่านไหล่ซ้ายไปทางด้านหลังยังบอดสนิท การขับจึงต้องระมัดระวังเรื่องการเข้า-ออกทางร่วมทางแยกพอสมควร
ขณะที่ช่วงล่างและการควบคุมให้ความมั่นใจสูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรูปทรงของรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงตํ่า วางหลักการไหลและการกดของอากาศช่วยให้รถหนึบแน่นเมื่อใช้ความเร็วสูง หรือสาดใส่เข้าไปในโค้ง ทว่าการขับเรื่อยๆใช้งานปกติการรองรับไม่ได้สะท้านแข็ง หรือหยาบกร้านสะท้านสะเทือนเหมือนซูเปอร์คารพันธุ์แท้ แม้จะใช้ล้ออัลลอยวงโตขนาด 20 นิ้วก็ตาม (ยางหน้า 215/45 R20 หลัง 245/40 R20)
รวบรัดตัดความ.... บีเอ็มดับเบิลยู i8 โรดสเตอร์ มีความโดดเด่นแบบเฉพาะเจาะจงในการใช้งานลงไปอีก ส่วนราคาสูงกว่ารุ่นคูเป้ 1.16 ล้านบาท คนซื้อจริงๆอาจจะไม่ใช่กลุ่มที่อ่านบทความนี้ครับ เพราะเขาคงตัดสินใจจับจองรถตั้งแต่อ่านข่าว เห็นรูปจากเมืองนอกแล้ว ด้วยราคานี้กับเทคโนโลยียานยนต์ที่ได้รับ น่าจะมีเก็บไว้ในคอลเลกชัน ซึ่งปัญหาเดียวที่เขาเหล่านั้นลังเลใจในการครอบครองเป็นเจ้าของคือ โรงรถไม่มีที่จอด
โดย กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,451 วันที่ 10 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2562
