'กรีนพีซ' ร้องรัฐ! ยกร่างมาตรฐานบรรยากาศ PM 2.5 ใหม่

05 มี.ค. 2562 | 09:54 น.

รายงานการจัดอันดับคุณภาพอากาศโลก ปี 2561 เปิดเผยเมืองที่มีปัญหามลพิษ PM 2.5 และเมืองที่มีคุณภาพอากาศดีที่สุดของทั่วโลกและในแต่ละภูมิภาค

รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศโลก 2561 คาดการณ์ว่า มลพิษทางอากาศมีส่วนในสาเหตุของการตายก่อนวัยอันควรถึง 7 ล้านคน ในปี 2562 ในขณะที่ ต้นทุนทางเศรษฐกิจโลกมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมในรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศโลก ปี 2561 (IQAir AirVisual 2018 World Air Quality Report) และการ จัดอันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดในโลกเชิงปฎิสัมพันธ์ (interactive) นี้ จัดทำขึ้นโดย IQAir AirVisual และเผยแพร่ข้อมูลโดย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์มลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในปี 2561 ที่กระจายตัวอย่างกว้างขวาง แต่ไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่ และประชาชนยังถูกจำกัดในการเข้าถึงข้อมูล

ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "มลพิษทางอากาศส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเรา ทั้งด้านสุขภาพและการเงิน การประเมินค่าใช้จ่ายในการสูญเสียแรงงานทั่วโลกมีถึง 225,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และค่าใช้จ่ายทางการแพทย์หลายล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เราต้องการให้รายงานฉบับนี้สร้างความตระหนักให้ประชาชนถึงอากาศที่เราหายใจ เพราะเมื่อเราเข้าใจถึงผลกระทบจากคุณภาพอากาศในชีวิตของเรา เราจะสามารถปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดได้"

ในปี 2561 ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 23 ของโลก ในฐานะประเทศที่มีความเข้มข้นเฉลี่ยรายปีของ PM 2.5 มากที่สุด หากเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีค่าคุณภาพอากาศที่แย่เป็นอันดับ 3 รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม มี 10 จังหวัดในไทย ที่ติดอยู่ในการจัดอันดับ 15 เมืองที่มีมลพิษ PM 2.5 สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แฟรงค์ แฮมเมส ประธานบริหารของ IQAir กล่าวว่า รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศโลกปี 2561 นำเสนอข้อมูลคุณภาพอากาศที่รวบรวมและตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศนับหมื่นแห่งทั่วโลก ขณะนี้ ทุกคนที่มีโทรศัพท์มือถือสามารถเข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศได้ฟรีผ่านแพลตฟอร์ม AirVisual แพลตฟอร์มนี้เป็นตัวสร้างความต้องการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศสำหรับเมือง หรือ ภูมิภาคที่ยังไม่เปิดเผยข้อมูลสาธารณะ ชุมชน และองค์กรในหลายเมือง อย่าง แคลิฟอร์เนีย หรือแม้แต่คาบูล เมืองหลวงของประเทศอัฟกานิสถาน มีส่วนช่วยให้เกิดการตรวจสอบของภาครัฐ ด้วยการใช้เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพอากาศราคาถูกของเขาเอง และทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มากขึ้นในระดับท้องถิ่นได้

ข้อมูลในรายงานรวมถึง

● ในเอเชียใต้ : 18 จาก 20 เมืองมีมลพิษมากที่สุดในโลก อยู่ในอินเดีย ปากีสถาน และบังคลาเทศ ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่มองไม่เห็นจากเครือข่ายสาธารณะแห่งแรกของปากีสถาน

● ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ : จาการ์ตา และฮานอย เป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเมืองที่รายล้อมด้วยโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นจำนวนมากที่สุดในภูมิภาค ในขณะที่ กรุงปักกิ่งมีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น จึงส่งผลให้จาการ์ตามีความเสี่ยงที่จะมีมลพิษทางอากาศสูงแทนเมืองหลวงของจีนในไม่ช้า

● ในประเทศจีน : ความเข้มข้นเฉลี่ยของมลพิษทางอากาศในเมืองต่าง ๆ ในจีน ลดลงร้อยละ 12 จากปี 2560-2561 ในขณะที่ กรุงปักกิ่งถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 122 ของเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกในปี 2561

● ในแถบคาบสมุทรบอลข่านตะวันตก : 10 เมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในแถบคาบสมุทรบอลข่านตะวันตก คือ บอสเนียเฮอร์เซโกวีนา มาซิโดเนีย และโคโซโว และ 4 แห่งในตุรกี มีระดับมลพิษ PM 2.5 มากกว่า 3 เท่าของคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก 8 เมืองในบอลข่าน เป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก คิดเป็นร้อยละ 10 ของเมืองทั้งหมดที่มีข้อมูล

● ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา : แม้ว่าคุณภาพอากาศโดยเฉลี่ยจะดีเมื่อเปรียบเทียบกับทั่วโลก ประวัติการเกิดไฟป่ามีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพอากาศ 5 ใน 10 เมืองที่มีมลพิษทางอากาศมากที่สุดในโลก ช่วงเดือน ส.ค. อยู่ในอเมริกาเหนือ


ประชากรจำนวนมากรวมถึงปะชากรในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ยังไม่สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานการวัดคุณภาพอากาศที่เพียงพอ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ผลกระทบของมลพิษทางอากาศเลวร้ายลง โดยมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและการขยายบริเวณไฟป่า นอกจากนี้ ตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ดังนั้น การแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศของเราได้อย่างมาก


"ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาด้านมลพิษทางอากาศจากฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ซึ่งขณะนี้ได้ หน่วยงานท้องถิ่นและรัฐบาลระดับชาติสามารถช่วยจัดการกับผลกระทบของมลพิษทางอากาศได้ โดยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานในการตรวจสอบและรายงานผลมลพิษทางอากาศได้ สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดถึงต้นตอของปัญหามลพิษทางอากาศ คือ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างเช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ และเลวร้ายลงจากการตัดไม้ทำลายป่า สิ่งที่เราต้องการเห็น คือ ผู้นำของเรากำลังคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสุขภาพและสภาพภูมิอากาศ โดยการยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และในขณะเดียวกัน ต้องมีการรายงานคุณภาพอากาศที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและสภาพภูมิอากาศ" ธารา กล่าวเสริม

กรีนพีซเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการอย่างเร่งด่วน ในการยกร่างมาตรฐานในบรรยากาศของ PM 2.5 ขึ้นใหม่ สำหรับประเทศไทย โดยกำหนดค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เป็น 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ยรายปีเป็น 12 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภายในปี 2562 และกำหนดมาตรการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายอาเซียนปลอดหมอกควัน HAZE-FREE 2020 อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม 

'กรีนพีซ' ร้องรัฐ! ยกร่างมาตรฐานบรรยากาศ PM 2.5 ใหม่