บริษัทวิจัยชี้โลกปรับตัวสู่ยานยนต์ไร้คนขับ

05 มี.ค. 2562 | 10:14 น.

บริษัทวิจัยแนะไทยปรับตัวเพื่อเป็นศูนย์กลางพัฒนาซอร์ฟแวร์ในการควบคุมยานยนต์ รองรับเทรนด์อนาคตรถยนต์ไร้คนขับหรือออโตโนมัส

 เคพีเอ็มจีจัดทำผลสำรวจเกี่ยวกับความพร้อมในการใช้รถยนต์ไร้คนขับ หรือ 2019 Autonomous Vehicles Readiness Index (AVRI) โดยสำรวจทั้งหมด 25 ประเทศ ซึ่งคัดเลือกจากขนาดเศรษฐกิจ และความก้าวหน้าในการใช้รถยนต์ไร้คนขับ แต่ละประเทศจะถูกประเมินตาม 25 ด้านย่อยที่แตกต่างกัน ภายใต้ 4 ด้านหลัก คือ 1. นโยบายและกฎหมาย 2. เทคโนโลยีและนวัตกรรม 3.โครงสร้างพื้นฐาน 4.การยอมรับของผู้บริโภค

โดยผลสำรวจพบว่าประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่พร้อมที่สุดสำหรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับ ตามมาด้วย สิงคโปร์ นอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา และสวีเดน

สำหรับเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นปีที่ 2 ที่ครองอันดับดังกล่าว ปัจจุบันกำลังมีการร่วมมือกับเพื่อนบ้านในการนำเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับมาใช้ในการขนส่งสินค้า และมีแผนการนำรถบรรทุกไร้คนขับกว่า 100 คันมาใช้ในการขนส่งระหว่างเส้นทางหลัก จากเมืองอัมสเตอร์ดัม ไปยังเมืองแอนต์เวิร์ป และเมืองรอตเทอร์ดาม บริษัทวิจัยชี้โลกปรับตัวสู่ยานยนต์ไร้คนขับ

ส่วนอันดับ 2 ประเทศสิงคโปร์ ความคืบหน้าเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับมีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในการสร้างเมืองจำลองสำหรับทดลองใช้รถยนต์ไร้คนขับ โดยในเมืองดังกล่าวได้สร้างให้มีไฟจราจร ป้ายรถเมล์ ตึกสูง และเครื่องทำฝนเทียม เพื่อสร้างสภาพอากาศที่ร้อนชื้นเพื่อให้สะท้อนถึงภูมิอากาศของประเทศในเขตร้อนชื้น

ขณะที่ความพร้อมของประเทศไทย ธิดารัตน์ ฉิมหลวง ประธานฝ่ายดูแลลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เคพีเอ็มจี ประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะที่ไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก จึงเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการจะขยายศักยภาพจากการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ ให้ครอบคลุมสู่การเป็นศูนย์กลางการพัฒนาซอฟต์แวร์ในการควบคุมยานยนต์ เพื่อคงไว้ซึ่งการเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก

ปัจจุบันโลกอยู่ในยุคปฏิวัติการคมนาคมขนส่ง เทคโนโลยีกำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ และนวัตกรรมกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อให้ประเทศไทยพร้อมต่อการใช้รถยนต์ไร้คนขับ จำเป็นต้องมีการพิจารณา และปรับกฎหมายให้รองรับ มีการวางผังเมือง และโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมต่อการใช้รถยนต์ไร้คนขับ และสิ่งสำคัญคือต้องมีตลาดรองรับ