ทางเลือกของชาติ 24 มี.ค. ได้นายกฯ แบบใด บ้านเมืองเป็นแบบนั้น

04 มี.ค. 2562 | 08:06 น.

| คอลัมน์ : ปฏิกิริยา

……………….


การเลือกตั้งในประเทศไทยนั้น ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด นับแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับแรก และส่วนใหญ่เป็นรัฐบาลผสม ดูเหมือนเคยมีครั้งหนึ่งมีพรรคเดียวได้บริหารประเทศ แต่ก็กลายเป็นรัฐบาลที่ถูกครอบงำโดยกลุ่มทุน จนในที่สุดต้องล่มสลายไป

อาจเป็นเพราะความฉ้อฉล จนทหารต้องออกมาปฏิวัติครั้งแล้วครั้งเล่า ล่าสุด เราอยู่โดยไม่มีการเลือกตั้งถึง 7 ปี และในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 ที่จะถึงนี้ เราก็จะมีการเลือกตั้งทั่วไป และเป็นระบบใหม่ แบ่งสันปันส่วนผสม ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายและน่าสนใจ ว่า ผลการเลือกตั้งจะออกมารูปแบบใด

โดยเฉพาะ "ตัวนายกรัฐมนตรี" ไม่จำเป็นต้องมาจาก ส.ส. หรือ การเลือกตั้ง

ท่ามกลางความจริงบนเวทีการเมืองขณะนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังสวิงสุด ๆ และสดทุกวัน เริ่มดาหน้าทำสงครามความคิดและคารม ถ่มน้ำลายเข้าหากันแล้ว เห็นได้ชัดว่า การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 มีนาคมนี้ จึงอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง

การเมืองไทยนับจากนี้ไปจะก้าวไปในทิศทางใดและอย่างไร

ได้มีภาพสะท้อนให้เห็นสภาพของสังคมการเมืองไทยออกมาอย่างหนึ่ง ผ่านคำพูดจากเพื่อนบ้านเป็นชาวอังกฤษ ประเทศต้นแบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่บอกว่า คนอังกฤษให้ความสำคัญกับทุกเรื่อง มีเรื่องเดียวที่ไม่ให้ความสำคัญ คือ เรื่องการเมือง

"ต่างกับคนไทย ที่ไม่ให้ความสำคัญกับทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องการเมือง ที่ให้ความสำคัญถึงขั้นเอาเป็นเอาตายกัน"

คำพูดของเพื่อนต่างชาติคงไม่ใช่คำหยอกเอินกระเซ้าเย้าแหย่เล็ก ๆ ที่เราจะมองข้ามไปได้แล้ว

ใช่! มันเป็นความจริงที่ฝังอยู่ในใจลึก ๆ ของคนไทย ว่า คนไทยหลงการเมือง หลงประเด็น การเมืองกลับเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ สร้างความเสียหายให้กับคนในชาติ วัฒนธรรมการเมืองที่มุ่งทำลายล้างกัน แสวงหาอำนาจเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ซื้อขายเสียง ใช้วิธีกลโกง เอาเปรียบสารพัด ให้ตัวเองได้รับการเลือกตั้ง ไม่เห็นจะสร้างสรรค์ตรงไหน

ต้องไม่ลืมว่า หลายสิบปีเราอยู่ในวังวนการเมืองน้ำเน่า เสียงบประมาณประเทศไปไม่รู้สักเท่าไหร่ต่อเท่าไรให้นักการเมืองผลาญเล่น ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ความเสียหายเกินจะประมาณได้

เลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมนี้ เรายังจะปล่อยให้คนจำพวกนี้ วัฒนธรรมการเมืองแบบนี้ ทำร้ายเราทำร้ายประเทศต่อไปอีกหรือ

ใช่ครับ ผู้นำมีความสำคัญต่อระบอบการปกครอง ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ยกตัวอย่าง ลี กวนยู ของสิงคโปร์ มหาธีร์ ของมาเลเซีย นำพาประเทศของเขาให้เจริญรุดหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคมโลกได้

"ประชาธิปไตยแบบสิงคโปร์ ประชาธิปไตยแบบมาเลเซีย นำพาประเทศของเขาเจริญรุดหน้าได้ เช่นเดียวกับประชาธิปไตยของไทยจะเป็นแบบไหนก็ได้ที่ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผู้มีอำนาจ เพราะที่ผ่านมา พาลงเหว ไม่ควรเรียกร้องและนำมาอ้างให้จมปลัก ติดกับดักเหมือนซ้ำซาก ท่านผู้อ่านว่าจริงมั้ย"

ขอย้ำว่า การเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมนี้ หากเราได้นักการเมืองแบบเดิม ๆ ถามว่า เราจะเสียประโยชน์ เสียโอกาส ในการพัฒนาชาติพัฒนาประเทศหรือไม่

ช่วยกันครับ ล้างระบอบการเมืองเดิม ๆ ให้หมดไป อย่าให้กลับมาทำร้ายประเทศอีก

จากนั้นเรามาพิจารณาตัวผู้นำกัน ว่า จะเอานายกรัฐมนตรีแบบไหน


อยากฟังความเห็นอุดมคติท่านผู้อ่าน คิดว่า ผู้นำควรเป็นแบบไหน หล่อแบบ "ณเดชน์" สวยใสแบบ "ญาญ่า" หรือเป็นนักคิด มีความคิดสร้างสรรค์ เข้าใจสังคมไทย รู้ทันคนโกง ไม่อยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพล ยึดหลักความเที่ยงธรรม เชื่อว่า เราได้ผู้นำ หรือ นายกฯ แบบไหน บ้านเมืองก็จะเป็นแบบนั้น

ผู้นำคนรุ่นใหม่ ถึงเวลาแล้วหรือยัง ผู้นำดีแต่พูด ยึดหลักการ แต่ใช้อำนาจไม่เป็น หรือจะเอาผู้นำในสังกัดบริวารนายใหญ่ หรือ ผู้นำภายใต้กลุ่มทุนรักษาผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง

ยิ่งกว่านั้น ถึงวันนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอตัวดรีมทีมเศรษฐกิจที่เหนือกว่า สร้างความมั่นใจได้ ว่า จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนให้ดีขึ้น

ในฐานะท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีสิทธิกำหนดอนาคตของประเทศชาติ ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ขอให้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง คิดและไตร่ตรองให้ดีก่อน ว่า อยากให้ประเทศเดินไปแบบไหน จะเลือกใคร พรรคใด

ถ้าเห็นว่าดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยน ถ้าเห็นว่าอยู่ต่อไปเดือดร้อนแน่ ก็เปลี่ยนซะ อย่าให้กลับมาวุ่นวายอีก

อำนาจอยู่ในมือท่านแล้ว



| คอลัมน์ : ปฏิกิริยา

| โดย : ชิษณุชา เรืองศิริ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

* พบกับคอลัมน์ปฏิกิริยา อัพเดตประเด็นร้อนได้ทุกวันจันทร์

ทางเลือกของชาติ 24 มี.ค. ได้นายกฯ แบบใด บ้านเมืองเป็นแบบนั้น