‘เนสท์’ นักจับคู่ธุรกิจ ผนึกสตาร์ตอัพเติมความแกร่งองค์กร

02 มี.ค. 2562 | 03:00 น.

สตาร์ตอัพกลายเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญที่นำไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน องค์กรต่างมองหาสตาร์ตอัพที่เหมาะสม เข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กร หรือสร้างนวัตกรรมที่สามารถแข่งขันในตลาดยุคใหม่ได้ ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ “ลอว์เรนซ์
มอร์แกน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนสท์ฯ
ก่อตั้งธุรกิจเข้ามาทำหน้าที่แมตชิ่งสตาร์ตอัพกับองค์กรขึ้นมา

นักธุรกิจหนุ่มคนนี้ มีประสบการณ์มากมาย เขาจบมาทางด้านไฟแนนซ์ เคยทำงานกับเจพีมอร์แกนมาก่อน และก็เคยสร้างธุรกิจของตัวเองจนประสบความสำเร็จ ขายให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่มาแล้วถึง 3 บริษัท อาทิ ธุรกิจดิจิทัลอินโนเวชัน ที่ขายให้กับ Pwc

‘เนสท์’ นักจับคู่ธุรกิจ  ผนึกสตาร์ตอัพเติมความแกร่งองค์กร

จากความสำเร็จ ทำให้เขามองเห็นโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่อีกหนึ่งธุรกิจ ตั้งแต่ปี 2010 ด้วยการเป็นเหมือนตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างสตาร์ตอัพ หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ แมตชิ่งเข้ากับองค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ ที่ต้องการนวัตกรรมไปพัฒนาสร้างความแข็งแกร่งจากโปรดักต์ หรือบริการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น และนั่นคือที่มาของการก่อตั้ง บริษัท เนสท์ฯ ที่ฮ่องกง

“เราช่วยเชื่อมต่อระหว่างสตาร์ตอัพที่พร้อม และเติบโตแล้ว  กับองค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ ส่งต่อนวัตกรรมที่สตาร์ตอัพคิดขึ้นมา เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับบริษัท”

“ลอว์เรนซ์” เล่าว่า จากการที่เป็นสตาร์ตอัพมาก่อน เคยสร้างธุรกิจสำเร็จจนมีนักลงทุนมานำไปพัฒนาต่อ  ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ที่ไม่ใช่แค่ประโยชน์จากค่าฟี และค่าดำเนินการ ที่เป็นรายได้ให้กับเนสท์ แต่ยังเป็นประโยชน์กับบรรดาสตาร์ตอัพ ที่จะนำผลงานนวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ เข้ามาพลิกโฉมองค์กร และการใช้ชีวิตของผู้บริโภคทั่วไป

‘เนสท์’ นักจับคู่ธุรกิจ  ผนึกสตาร์ตอัพเติมความแกร่งองค์กร

นักธุรกิจหนุ่มคนนี้ นำประสบการณ์ของตัวเอง ส่งต่อให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ด้วยบทบาทของคนกลาง ที่ช่วยสื่อความต้องการขององค์กรต่างๆ ให้กับเหล่าสตาร์ตอัพ ขณะเดียวกันก็ช่วยแปลภาษาเทคโนโลยีของฝั่งสตาร์ตอัพให้องค์กรหรือภาครัฐเกิดความเข้าใจ ประสานประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าด้วยกัน โดยแต่ละปีมีสตาร์ตอัพทั่วโลกที่คัดเลือกเข้ามากว่า 2,000 ราย และมีสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จจากการแมตชิ่งของเนสท์แล้ว 180 บริษัท โดยเฉพาะสตาร์ตอัพกลุ่มฟินเทค ที่แมตชิ่งกับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ทั่วโลก

โอกาสในความสำเร็จของเนสท์ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มตระหนักถึงนวัตกรรม และรับรู้ว่าองค์กรไม่สามารถทำอะไรเหมือนเดิมได้อีกแล้ว โดยความตระหนักนี้กำลังเริ่มขยายวงกว้างกับองค์กรที่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มองเห็นความสำคัญของการปรับตัว

“วิธีในการปรับตัว บางองค์กรอาจทำเองแต่มีปัญหาเพราะไม่รู้จะไปหาเทคโนโลยีที่ไหน หรือบางองค์กรอาจหาเจอ นำเข้ามาใช้ แต่คนในองค์กรไม่มีทักษะที่จะนำมาปรับใช้กับองค์กร เนสท์จะเข้ามาตรงจุดนี้ มาช่วยให้คำปรึกษาว่า จะต้องปรับวัฒนธรรมองค์กรอย่างไร ประเมินว่านวัตกรรมไหนเหมาะ และจะนำมาปรับใช้อย่างไร”

“ลอว์เรนซ์” บอกว่า ตลาดใหญ่ของเขาคือ เอเชีย ตะวันออกกลางและแอฟริกา เพราะตลาดเป็นที่ที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี ซึ่งขณะนี้เนสท์มีออฟฟิศ 4 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง บาห์เรน ไนโรบี และกรุงเทพฯ สำหรับกรุงเทพฯ ถือเป็นโลเกชันที่เหมาะกับการขยายงานในภูมิภาคเอเชีย เป็นทำเลที่ดีในการดึงดูดสตาร์ตอัพระดับเวิลด์คลาสเข้ามาร่วมงาน เพราะไทยมีการลงทุนด้านอินฟราสตรักเจอร์จำนวนมาก และยังเชื่อมโยงการลงทุนกับหลายๆ ประเทศในภูมิภาคได้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีทีมงานที่ดีมีคุณภาพ และเร็วๆ นี้ เนสท์จะร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ในไทยเพิ่มเติม

‘เนสท์’ นักจับคู่ธุรกิจ  ผนึกสตาร์ตอัพเติมความแกร่งองค์กร

แผนธุรกิจของเนสท์ ยังขยายตัวอีกมาก รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ จากปัจจุบันที่มีความแข็งแกร่งในฟินเทค ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมงานกับธนาคารกรุงเทพมาถึง 2 ปีแล้ว ต่อไปยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมที่ไทยมีความแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรรม (agriculture) สุขภาพ (Healthcare) ค้าปลีก ระบบผังเมืองอัจฉริยะ โดยจะสรรหาสตาร์ตอัพที่มีศักยภาพเข้ามารองรับ และทำให้องค์กรที่ต้องการนวัตกรรมในด้านต่างๆ เหล่านั้นประสบความสำเร็จจริง ไม่ใช่แค่การเป็นแอกเซอเลอเรต ที่มุ่งเน้นการสร้าง
สตาร์ตอัพใหม่ๆ

“เป้าหมาย คือ การหาลูกค้าบริษัทให้ได้มากที่สุดและจับคู่กับสตาร์ตอัพให้ถูก เป็นการสร้างเส้นทางเติบโตสู่ความยั่งยืน บริษัทใหญ่ๆ เมื่อจับคู่กับสตาร์ตอัพ ทำงานร่วมกัน สตาร์ตอัพก็เติบโต ท้ายสุดองค์กรก็เติบโตได้อย่างยั่งยืน”

การเลือกทำเลลงทุนที่เหมาะสม ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง แต่ความท้าทายในการบริหารเนสท์ให้ประสบความสำเร็จ คือ การรับโจทย์จากองค์กร หรือภาครัฐ แล้วสามารถเลือกจับคู่กับสตาร์ตอัพที่ตอบโจทย์กับองค์กรนั้นได้อย่างถูกต้อง

เมื่อถามถึงความสำเร็จของเนสท์ “ลอว์เรนซ์” บอกว่า การทำหน้าที่เป็นคนเชื่อมโยง ประสานนวัตกรรมจากสตาร์ตอัพ ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถพลิกโฉมและประสบความสำเร็จ สตาร์ตอัพสามารถเติบโตได้...ก็เหมือนการดูลูกโตออกไปทำมาหากินได้ นั่น
คือความสำเร็จของ “เนสท์” และผู้ก่อตั้งอย่างตัวเขานั่นเอง

หน้า 22 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3448 วันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค. 2562

‘เนสท์’ นักจับคู่ธุรกิจ  ผนึกสตาร์ตอัพเติมความแกร่งองค์กร