“ิดิเอราวัณ” ตั้งงบ 3พันล้าน ลุยเปิดโรงแรมใหม่9แห่ง ปักธง “ฮ็อป อินน์ “กรุงเทพฯ

28 ก.พ. 2562 | 09:12 น.
"ิดิเอราวัณ" ตั้งงบประมาณ 3 พันล้าน เดินหน้าเปิดโรงแรมใหม่ปีนี้ 9 แห่ง คาดสิ้นปีเครือข่ายโรงแรมทั้งหมด70 แห่ง รวมจำนวนห้องพัก 9,559 ห้องและทะลุหมื่นห้องในปีหน้า

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4/61 จำนวน 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากผลประกอบการของไตรมาส 4/60 ส่งผลให้ปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 536 ล้านบาท และปี 2562 ตั้งเป้าเติบโต ประมาณ ร้อยละ 10-15 จากปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าปีนี้ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าจำนวน 41.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากปี 2561 และยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมจากนักท่องเที่ยว และในปี 2562 มีแผนจะเปิดโรงแรมใหม่จำนวน 9 แห่ง โดยเป็นโรงแรม ฮ็อปอินน์ ในประเทศไทย จำนวน 7 แห่ง โรงแรมระดับกลาง และชั้นประหยัดอีก 2 แห่ง ส่งผลให้สิ้นปีมีโรงแรมรวมทั้งสิ้น 70 แห่ง จำนวนห้องพัก 9,559 ห้อง โดยตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเข้าพักมากกว่าร้อยละ 80 ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 79 ในปี 2561 และคาดการณ์การเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักรวม (ไม่รวมกลุ่มฮ็อป อินน์) ร้อยละ 3-5

580458

นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป กล่าวว่า “ปีนี้จะเป็นปีแรกที่เปิดโรงแรมฮ็อป อินน์ ในกรุงเทพฯ จำนวน 2 แห่ง แห่งแรก คือโรงแรมฮ็อป อินน์ แจ้งวัฒนะ จำนวน 108 ห้อง พร้อมเปิดบริการไตรมาส 3 ของปีนี้และแห่งที่ 2 คือ โรงแรมฮ็อป อินน์ รังสิต จำนวน 79 ห้อง ตั้งอยู่ใกล้และห้างสรรพสินค้า ฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต พร้อมเปิดบริการไตรมาส 3 ของปีนี้เช่นกัน”

บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าโรงแรมทั้ง 2 แห่ง จะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งจากทำเลที่สะดวกในการเดินทาง อยู่ใกล้ศูนย์การค้า และสิ่งอำนวยความสะดวก และตั้งแต่ปี 2557 ที่เริ่มเปิด ฮ็อป อินน์แห่งแรก จนถึงปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2561 มีเครือข่ายโรงแรมฮ็อป อินน์รวมจำนวน 36 แห่งทั่วประเทศไทย ซึ่งนับเป็นกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ทซึ่งมีเครือข่ายที่ครอบคลุมการให้บริการมากที่สุดในไทยและได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอด ตามแผนจะเปิดโรงแรมฮ็อป อินน์ อีก 5 แห่งที่จังหวัด ขอนแก่น เชียงราย ระยอง หาดใหญ่ และ นครปฐม ช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้

580456 นอกจากโรงแรมฮ็อป อินน์ 7 แห่งแล้ว ปีนี้บริษัท ยังมีแผนจะเปิดให้บริการโรงแรม เมอร์เคียว ไอบิส สุขุมวิท 24 จำนวนห้องพัก 501 ห้อง ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งนับเป็นโรงแรมในกรุงเทพฯของบริษัท ที่มีจำนวนห้องพักมากที่สุด เป็นโรงแรมรูปแบบคอมโบโฮเต็ล แห่งที่ 3 ของบริษัท ซึ่งมี 2 โรงแรมภายในตึกเดียวกัน
นายเพชร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันถือว่าการดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 4 ของแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2559-2563) ซึ่งยังคงเดินหน้าตามแผนที่กำหนดไว้มุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจการพัฒนาและลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทในประเทศไทยและอาเซียน โดยในปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโรงแรมใหม่ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้จำนวน 9 แห่ง และปรับปรุงโรงแรมเดิมให้มีความพร้อมในการแข่งขัน จากการดำเนินงานตามแผนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2562 บริษัทจะมีจำนวนโรงแรมทั้งสิ้น 70 แห่งและจำนวนห้องพัก 9,559 ห้องและจะมีจำนวนห้องพักกว่า 10,000 ห้องภายในปี 2563 ได้ตามเป้าหมาย

580457

ด้านนางสาวกันยะรัตน์ กฤษณะเทวินทร์ รองกรรมการผู้จัดการ สายบริหารเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยไตรมาส 4/61 กลับมาเติบโตอีกครั้งหนึ่งหลังจากการชะลอตัวในไตรมาส 3/61 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในไตรมาสนี้เท่ากับ 9.7 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 5 จากไตรมาส 4/60 ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย มีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยในเดือนธันวาคม 2561 นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเติบโตอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ปรับตัวลดลงจากอุบัติเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตในเดือนกรกฎาคม 2561 แม้ว่าจะยังไม่ถือว่าเข้าสู่ภาวะปกติแต่พัฒนาการนี้ได้สะท้อนให้เห็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัว

สำหรับรายได้รวมจากการดำเนินงานในไตรมาส 4/61 เท่ากับ 1,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาส 4/60 โดยบริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (“EBITDA”) เท่ากับ 561 ล้านบาทในไตรมาส 4/61 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากไตรมาส 4/60 บริษัทฯ กำไรสุทธิเท่ากับ 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาส 4/60 และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากกำไรสุทธิ 41 ล้านในไตรมาส 3/61 ส่งผลให้กำไรทั้งปีเท่ากับ 536 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6 จากปี 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-8