‘ไฮเนเก้น’ลุยชิงเบอร์1 เผยแผนครองตลาด ‘เมียนมา’ ลุยแซงคู่แข่งทุกปี

25 มี.ค. 2559 | 08:00 น.
เบียร์แบรนด์ไฮเนเก้น จากเนเธอร์แลนด์ เผยแผนต้องการเป็นที่ 1 ตลาดเบียร์เมียนมาในปี 2563 มั่นใจเอาชนะเบียร์ท้องถิ่นและเบียร์ต่างชาติ ใช้ยุทธศาสตร์บันได 5 ขั้นแซงคู่แข่ง ทุกปี เผยตลาดยังใหม่และขยายตัวอีกมากใครพร้อมก็เติบโตได้

[caption id="attachment_40074" align="aligncenter" width="444"] เลสเตอร์ ตัน (Lester Tan) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอพีบี อะลายแอนซ์บริวเวอรี่ เลสเตอร์ ตัน (Lester Tan) กรรมการผู้จัดการ
บริษัท เอพีบี อะลายแอนซ์บริวเวอรี่[/caption]

หนังสือพิมพ์เมียนมาอีเลฟเว่น อ้างคำสัมภาษณ์นาย เลสเตอร์ ตัน (Lester Tan) กรรมการผู้จัดการบริษัท เอพีบี อะลายแอนซ์บริวเวอรี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ยี่ห้อไฮเนเก้นในประเทศเมียนมาว่า บริษัทมีแผนผลักดันเบียร์ยี่ห้อไฮเนเก้นให้มียอดจำหน่ายสูงสุดในเมียนมา โดยขณะนี้ไฮเนเก้นมีสัดส่วนตลาดอยู่อันดับ 5

“เราจะมียอดขายขึ้นเป็นอันดับ 4 ภายใน 1 ปี และจะเร่งไต่อันดับขึ้นเป็นอันดับ 3 อันดับ 2 และ 1 ภายในปี 2563” นายตันกล่าว

เมียนมาอีเลฟเว่น รายงานว่า เบียร์ไฮเนเก้น ทำการรุกทางการตลาดอย่างหนักตั้งแต่เริ่มวางตลาดเมื่อ 6 เดือนก่อนโดยคู่แข่งของไฮเนเก้น คือเบียร์ท้องถิ่น ยี่ห้อเมียนมา ดากอน มัณฑะเลย์และทูบอร์กของค่ายคาร์ลส์เบอร์ก โดยไฮเนเก้น ร่วมเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทท้องถิ่นชื่อ Alliance Brewery สร้างโรงเบียร์ใกล้เมืองย่างกุ้งมูลค่าการลงทุน 60 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,160 ล้านบาท) ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีที่ไฮเนเก้นกลับเข้าไปลงทุนในเมียนมา

นอกจากไฮเนเก้น แล้วค่ายนี้มีเบียร์ขายในตลาดเมียนมาอยู่แล้ว คือเบียร์ตราเสือ หรือเบียร์ไทเกอร์ โดยผ่านบริษัท เฟรเซอร์แอนด์นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) ซึ่งปัจจุบันเป็นของกลุ่มเบียร์ช้าง แต่หลังจากที่ไฮเนเก้น ซื้อหุ้นเบียร์ไทเกอร์จาก เอฟแอนด์เอ็น เมื่อ 3 ปีก่อน ทางเอฟแอนด์เอ็น ยังมีสัญญาจัดจำหน่ายเบียร์ไทเกอร์ในเมียนมาร์ต่ออีก 5 ปีแม้ว่า ไฮเนเก้น ได้จัดตั้งบริษัทและโรงเบียร์ของตัวเองในเมียนมาแล้ว

โรงงานเบียร์ของไฮเนเก้นในย่างกุ้งขณะนี้ผลิตเบียร์ยี่ห้อ ไฮเนเก้น รีเกิลเซเว่น ไทเกอร์ และเอบีซีเอ็กซ์ตร้าสเตร้าท์ โดยมีพนักงาน 245 คน เป็นชาวต่างชาติเพียง 9 คน

นายตันให้สัมภาษณ์ เมียนมาอีเลฟเว่นว่า ประเทศเมียนมาเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากมีการขยายตัวของเขตเมืองอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวและขนาดของชนชั้นกลางกำลังโต โดยเชื่อว่าเมียนมาจะกลายเป็นตลาดใหญ่ 1 ใน 3 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของไฮเนเก้นอินเตอร์เนชั่นแนลในเวลาไม่ถึง 10 ปีเช่นเดียวกับเวียดนาม

นายตันคาดว่า บริษัทจะต้องลงทุนเพิ่มเติมอีกในอนาคตอันใกล้ อันเป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยแผนการตลาดและความสัมพันธ์กับพันธมิตรท้องถิ่น “ตลาดเบียร์โดยรวมที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ทุกรายสามารถขยายตัวได้ ขณะนี้เราทำได้เกินเป้าเล็กน้อยแม้ว่าเพิ่งเริ่มงานได้เพียง 6 เดือน และมองเห็นแล้วว่าอนาคตจะดีมาก”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,142 วันที่ 24 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2559